Jump to content

** รวมเรื่องของบุญ บอกข่าวบุญ อานิสงส์ น&#3636


simply_oriental
 Share

Recommended Posts

*** รวมเรื่องราวดีๆ Good Stories ***

สวัสดีค่ะ พี่ๆ น้อง ๆ TF ที่น่ารักทุกคน กระทู้นี้ขอให้เป็นกระทู้รวมเรื่องราวดีๆ ไม่ว่าทางใดก็ตาม ที่เห็นว่าดี มีสาระ และมีประโยชน์ .ใครมีเรื่องราวน่ารู้ นำมาลงแบ่งปันกันนะค่ะ ขอบคุณและอนุโมทนาด้วยค่ะ ส่วนตัวเจนเองจะเน้นไปทางศาสนาพุทธส่วนใหญ่ แนวการเผยแพร่ของเจนก็จะเป็นแบบพุทธค่ะ ขอบคุณทุกคนล่วงหน้าค่ะ :D

วันนี้เจนจะขอเริ้มเรื่องแบบไม่เครียด สบายๆ อ่านแล้วได้ความรู้เพิ่มขึ้นมาด้วยค่ะ ขอเริ่มด้วยเรื่องสุนัข ๆ ค่ะ ;)

เรื่องที่ 1 สุนัขชื่อ "สิงห์ดอก" ตายแล้วไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัสดี

t_104138113.jpg

"..ที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาท มีคนเอาหมามาปล่อยเสมอๆ จนปรากฏเป็นฝูงใหญ่ หมาฝูงนี้มีหัวหน้าอยู่ตัวหนึ่ง ตัวเป็นดอกๆ เลยเรียกกันว่า "เจ้าสิงห์ดอก" หมาตัวนี้รู้สึกว่าจะมีความเฉลียวฉลาดผิดหมาทั่วไป รู้จักฟังธรรมและบังคับบัญชาลูกน้อง เวลาจะมีคนมาขโมยของวัด เจ้าสิงห์ดอกจะจัดวางกำลังกองทัพหมาไว้ป้องกันเป็นอย่างดี

วันหนึ่งไม่รู้ว่าเจ้าสิงห์ดอกเขานึกอย่างไร เขาจัดการวางกำลัง จัดกำลังไว้บนกุฏิ ๔ ตัว ที่วัดมีช่องทางเข้าวัด ๓ ทาง มันก็วางกำลังจุกไว้หมดทุกทาง แล้วก็มีอีกชุดหนึ่งนอนรวมกันอยู่เป็นกลุ่ม สักประเดี๋ยวมันก็กระโดดไปทางฝั่งกุฏิของพระครูวิชาญ เดี๋ยวเดียวมีเสียงเป๋ง ไอ้ตัวนั้นคงหลับ ทุกคืนไม่เคยมีอย่างนี้ ก็เลยสั่งพระสั่งเณรว่าคืนนี้พร้อมไว้ เราเป็นทหารของพระพุทธเจ้า ถ้าใครมาเอาของสงฆ์ละเอาชีวิตแลกเลย

เวลาสักทุ่มเศษๆ เราดับไฟเงียบแล้วนอนกันอยู่ที่นั่น ห้ามพูด ห้ามสูบบุหรี่ พอหกทุ่มกว่าๆ เสียงข้างล่างเจี๊ยวเลย คือที่ชายป่ามีเสียงเห่า เจ้าสิงห์ดอกก็เดินยามของเขาไม่ได้หยุดเลย พอมีเสียงเห่ามันก็ขับฝูงพิเศษพรวดออกไปตัวเขาก็กระโดดตาม

ปรากฏว่าตอนเช้าได้ปืนกระบอกหนึ่ง ผ้าขาวม้า ๒ ผืน ป่าราบไปเลย

โดยปกติต้องเลี้ยงข้าวกะละมังขนาดพระหิ้ว ๒ องค์ มื้อละตั้ง ๓ กะละมัง ชาวบ้านเขาเห็นเขากลัวหมาอด ทีนี้ก็เอาข้าวสารมาเลี้ยงหมาไม่ใช่เลี้ยงพระ คราวหนึ่งต้องไปที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์เดือนหนึ่ง ก็สั่งพระสั่งเณรไว้ ให้สตางค์ไว้ ถ้าข้าวสารไม่มีกับข้าวไม่มี ก็ให้เอาปลามาต้มเค็มเพราะมันกินได้นาน ถ้ามันเริ่มจะไม่กินก็เปลี่ยนเป็นต้มยำบ้าง ต้มส้มก็ได้ พอกลับมาปรากฏว่าสตางค์ไม่หมด เขาบอกว่าอาตมาไม่อยู่ ชาวบ้านเขากลัวหมาอดก็เอาต้มเค็มบ้าง ต้มส้มบ้าง หม้อใหญ่ๆ เลย

เณรที่มีหน้าที่อุ่นอาหารตอนนั้นชื่อ "เปีย" บอกอาตมาไม่อยู่ยิ่งรวยใหญ่

คราวหนึ่งมีข่าวว่าผู้ร้ายจะมาเอาพระพุทธรูป เป็นพระสุโขทัยสำริดเงิน

คำว่า "สำริด" มี ๓ อย่าง คือ มีทองคำ มีเงิน และก็ดีบุก เขาเรียกว่า "สามฤทธิ์" ไม่ใช่สำริด เราเรียกเสียงห้วนไป ตาชมช่างหล่อพระเขาบอก ถ้าออกสีของแร่ไหนมากก็เรียกสำริดอย่างนั้น นอกจากพระสุโขทัยสำริดเงินแล้วยังมีพระเชียงแสนอีก ๒ องค์ ของเก่าทั้งนั้นที่ขโมยมุ่งจะเอา มาวันหนึ่งยายแก่ไปหาหน่อไม้ ไปเจอะมันกำลังนอนสูบใบพลูอยู่ใต้กอไผ่ ๕ คน แกก็เลยส่งข่าวมาบอก ตอนนั้นหลังวัดยังเป็นป่าอยู่ แต่เวลานี้เขาถางหมดแล้ว พระครูวิชาญได้สร้างโรงเรียน เมื่อได้ข่าวก็ไปบอกผู้บังคับกองตำรวจชื่อ "จำลอง" เลยให้ตำรวจมา ๔ คน แกบอกว่า "หลวงพ่อทหารมาก ผมว่าตำรวจคนเดียวก็พอ"

เอ..ดันไปเชื่อหมาเสียอีก พอดีทายกเขามาก็เลยบอกสองสามคืนให้มานอนด้วยกันหน่อย ยังไงๆ มันต้องกดคอพระครูวิชาญแน่ ไอ้จะปล้นแบบตูมตามน่ะมันไม่ทำหรอก

พอคืนที่สองเจ้าสิงห์ดอกจัดเวรอีกแล้ว เลยบอกตำรวจสังเกตคืนนี้ขโมยต้องเข้า ให้เตรียมตะครุบให้ดีเถอะ ถึงเวลามันเข้ามา มองเห็นคนร้ายไปชิดกุฏิพระครูวิชาญ เอาไม้พาดกำลังจะปีนขึ้นเท่านั้น ไม่มีเสียงเลย เจ้าสิงห์ดอกบุกเงียบ มันฟัดเสียแหลกเลย หน้าตาเละหมด ได้ครบ ๕ คนโดยตำรวจไม่ต้องยิงเลย

เจ้าสิงห์ดอกนี้มันเก่งจริงๆ เวลาเจริญพระกรรมฐานเขาต้องมาอยู่หมดทั้งฝูง วันนั้นมันจะตาย ตอนคํ่าเจริญพระกรรมฐานเขามาอยู่ด้วย ตอนตี ๒ ฉันออกไปเจริญพระกรรมฐานหน้ากุฏิคนเดียว ตามปกติมันนั่งอยู่หน้าลูกกรง แต่วันนั้นมันขอเข้าก็เลยให้เข้า มันเข้ามานอนเอาหัวพาดตัก พอตี ๔ พระลุกขึ้นทำวัตร มันก็ลุกบ้าง ปลัดบุญธรรมแกทักว่า "อ้อ..สิงห์ดอกรึมานี่ มาหาหลวงพี่ที่นี่" มันก็เข้าไปใกล้ไปนอนฟังจนจบ จบแล้วก็กลับมาที่หน้าพระพุทธรูปที่เขาเจริญพระกรรมฐาน แล้วตายตรงนั้น

เวลาเขาตายเราก็ไม่รู้ พอใกล้สว่าง เห็นเทวดาองค์หนึ่งสว่างจ้าเลย ถามว่า "ใคร" เขาตอบว่า "ผมเทวดาสิงห์ดอกครับ" ถามชื่อจริงๆ เขาก็บอกแต่จำไม่ได้แล้ว ทรงผ้าพื้นเขียว เสื้อพื้นขาวแต่เพชรพราว ถามแกว่า "อยู่ชั้นไหน" ตอบว่า "ชั้นปรนิมมิตวสวัสดีครับ" ชั้นปรนิมมิตวสวัสดีนี่เขาต้องได้ฌาน ๔ นะ เขาบอกว่า "ผมก็ได้เหมือนกันนี่ครับ" เอ๊ะ ได้อย่างไร เขาอธิบายว่า "ที่หลวงพ่อไปทำพระกรรมฐานนั้น ผมก็ไปนั่งด้วยความเคารพ จิตมันทรงตัว"

จริงสิ เวลาเทศน์เป็นไม่ได้ เจ้าสิงห์ดอกเขามานั่งหรี่ตามอง ทำหางกระดุกกระดิกๆ ชอบใจจนกว่าจะจบ ไม่ว่าใครเทศน์มันก็ไป พอพระตีระฆังเท่านั้นไปแล้วอยู่ไม่ได้

นี่เห็นไหม หมาไปเป็นเทวดาได้ แต่คนถ้าตายแล้วไปเกิดเป็นหมาก็ซวยเต็มทีละ.."

ที่มา : หนังสือ ตายแล้วไม่สูญ...แล้วไปไหน

Edited by simply_oriental
Change Subject
Link to comment
Share on other sites

  • Replies 54
  • Created
  • Last Reply

Top Posters In This Topic

เรื่องที่ 2 สุนัขที่วัดท่าซุงตายแล้วไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ฟังเทศน์แล้วเลื่อนไปอยู่สวรรค์ชั้นยามา

"..วันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๓๕ ตอนเช้าเวลาประมาณ ๘ นาฬิกาเศษๆ ท่านพระยายมราชมาบอกอาตมาว่า "เทวดา ๒ องค์เพิ่งเกิดใหม่ครับ คือเพิ่งเป็นเทวดาวันนี้ เมื่อวานนี้พระพุทธเจ้าเทศน์จึงไม่ได้ฟัง" และ ได้มีเทวดาอีก ๒๐ กว่าองค์เข้ามาใกล้ๆ อาตมาบอกว่า "ผมเคยเป็นสุนัขที่วัดของท่านครับ" ท่านพระยายมราชท่านบอกว่า "ทั้งหมดนี้เป็นเทวดาชั้นยามา แต่งชุดสีขาว" มีสุนัขอีกตัวหนึ่งตายทีหลังสุดบอกว่า "ผมเพิ่งตายเมื่อวานซืนนี้ครับ เมื่อวานนี้ได้ฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้า เดิมทีเดียวผมอยู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พอฟังเทศน์จบจิตสะอาดขึ้น ได้เลื่อนไปอยู่สวรรค์ชั้นยามา"

ก็เป็นอันว่าอาตมาได้บอกกับบรรดาเทวดาที่มาหาอาตมาว่า เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะ การถวายสังฆทานก็ดี บวชพระก็ดี มีอานิสงส์มากแต่ว่าอานิสงส์ก็แค่กามาวจรสวรรค์ ฟังเทศน์ดีกว่า ถ้าฟังเทศน์แล้วเธอสามารถปฏิบัติได้ เธอก็มีโอกาสได้เป็นพระโสดาบันเป็นอย่างน้อยหรือมิฉะนั้นก็เป็นพระอรหันต์..."

เรื่องนี้ ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านเล่าไว้ค่ะ

ที่มา : หนังสือ ตายแล้วไม่สูญ...แล้วไปไหน

PS : ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะค่ะ บุญบาปมีจริง warning จ๊ะ

Edited by simply_oriental
Link to comment
Share on other sites

ฟอร์บส์ จัดเศรษฐีใจบุญ ไทยติด 4 คน

24-6-8.jpg

เว็บไซต์นิตยสารฟอร์บส์ของสหรัฐ เผยแพร่การจัดอันดับมหาเศรษฐีในเอเชีย 48 คน ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น "วีรบุรุษใจบุญ" จาก 12 ชาติ ชาติละ 4 คน

ซึ่งประเทศไทย มหาเศรษฐีผู้ใจบุญ 4 อันดับ ได้แก่

นายบุญชัย เบญจรงคกุล วัย 59 ปี เจ้าของสื่อโทรคมนาคมดีแทค ผู้อุทิศตนสนับสนุนงานด้านการศึกษาและวัฒนธรรม อย่างจริงจัง นับตั้งแต่ขายหุ้นบริษัท เมื่อปี 2548 ทั้ง เตรียมเปิดพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยในกรุงเทพฯ มูลค่า 8.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นกองทุนพิพิธภัณฑ์ภาคเอกชนใหญ่ที่สุดของประเทศ

นายตัน ภาสกรนที วัย 51 ปี มหาเศรษฐีนักธุรกิจผู้ก่อตั้ง บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

ประกาศแบ่งผลกำไรบริษัทครึ่งหนึ่ง ตั้งมูลนิธิยกระดับการศึกษา สิ่งแวดล้อม และการท่องเที่ยว นอกเหนือจากการบริจาคเงิน 67,000 ดอลลาร์สหรัฐ สร้างอาคารใหม่โรงเรียนอนุบาลบ่อทอง ที่บ้านเกิดใน จ.ชลบุรี บริจาคเงินช่วยเหลือฟื้นฟูแผ่นดินไหวแ ละสึนามิพัดถล่มญี่ปุ่น อีก 143,000 ดอลลาร์สหรัฐ

นางพิไลพรรณ สมบัติศิริ วัย 60 ปี ประธานบริษัท โรงแรมปาร์คนายเลิศ จำกัด

และประธานกองทุนไทย ช่วยเหลือปกป้องช้างป่า ทั้งเป็นผู้ดำเนินการกองทุนเลิศสิน ดูแลด้านสุขภาพและการศึกษา

และ นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ วัย 53 ปี มหาเศรษฐี เจ้าของหุ้นบริษัท พฤกษาเรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) บริจาคเงิน 660,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อโรงพยาบาล องค์กรด้านศาสนา และสถานศึกษาตลอดช่วงปี 2553 - 2554

*** ยิ่งรวย ยิ่งให้ จึงรวยไม่รู้จบ *** ทำบุญวันละนิด เก็บสะสมบุญไปเรื่อยๆ ให้ทานบ้าง บริจาคบ้าง คิดดี ทำดี ก็เป็นบุญ ติดตัวไปทุกภพทุกชาติ แม้แต่ชาตินี้บุญที่สะสมไว้ วันละเล็ก วัละน้อย จะมาตอบแทนเรา...สักวัน...

Link to comment
Share on other sites

ใช่สิจ๊ะ ต้องตำแหน่งนี้เลย พี่ยกให้ เพิ่งมาสะดุดคำว่า Guru นี่ มานึกตลกเองในบัดดลนะว่า คำว่า Guru นี่ น่าจะมาจากคำว่า กรูรู้ กรูรู้ งัย แล้วมันก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป ตัดทอนลงไป เลยเหลือแค่ Guru (ตัด r ออกให้ด้วย) แต่จะรู้คนเดียวไม่ได้ ต้องช่วยเหลือคนอื่น เขาเลยตั้งให้เป็น Guru แยกตามความสามารถไป แหม! พี่เจนก็คิดไปเป็นตุเป็นตะนะ เอีะ รึว่าจริง ..พี่ก็ไม่ได้รู้เรื่องจากที่มาของคำนี้หรอกนะ เห็นใช้กันเกลื่อน ทั้งแวดวงบันเทิง และวงการอื่นๆ ด้วย น้องต่ายก็ชอบช่วยเหลือเพื่อนๆ หาอะไรๆ มาลงประจำ ใครๆ เขาไม่ค่อยทำกันหรอก มีแต่น้องต่ายนี่แหล่ะ นี่จะไม่ยกให้เป็นกรูรู ได้อย่างไร เอิ๊ก เอิ๊ก

Link to comment
Share on other sites

ฮ่าๆๆ ขอบคุณค่ะพี่เจน ต่ายชอบแบ่งปันข้อมูลมากๆจริงๆ ต่ายมองว่าเป็นบุญอย่างหนึ่งด้วยนะคะ เป็นสิ่งที่ทำได้เรื่อยๆ ทำแล้วรู้สึกดีเลยชอบน่ะค่ะ ที่ทำงานต่ายก็ทำค่ะ

Link to comment
Share on other sites

ใช่ค่ะน้องต่าย เป็นบุญอย่างหนึ่ง ถูกต้องค่ะ บุญนั้นเราเก็บสะสมไป ไม่ไปไหนเลย จะมาตอบแทนเราสักวันหนึ่ง พี่มีเกล็ดเล็กน้อยที่อยากจะเล่าค่ะ

เรื่องเทวดาประจำตัว

images?q=tbn:ANd9GcRylN0FBxRxeWkyUIQeYAiLqB4CJwHAKtrG1g_ANQKesf4rGV9E&t=1

" คนเราทุกคนนี่มีเทวดาประจำตัวอย่างน้อย 2 องค์ รู้สึกไหม พอเวลามีเรื่องคับขันเช่น เกิดอุบัติเหตุ หรือไฟฟ้าเปิด - ปิดเองขณะไม่อยู่บ้าน พอรอดตายได้ พอโจรขโมยไม่ขึ้นบ้าน เกือบจะทุกคน จะนึกถึงพระหรือองค์เทพต่างๆ ที่แต่ละคนห้อยคอหรือบูชาอยู่ แต่ให้รู้ไว้ค่ะว่าถ้าเกิดเหตุอย่างทำนองที่ไม่ดีกับเราเข้าแล้ว และเราผ่านมาได้ ปลอดภัย อย่าลืมนึกถึงบุญคุณของเทวดาที่คุ้มครองเราด้วยนะค่ะ ส่วนบุญที่เราทำนั้นจะคอยเก็บเล็ก เก็บน้อยให้เรา สะสมไป บุญที่ทำเพียงเล็กน้อยเช่น ให้อาหาร สุนัข แมว ที่บ้าน ให้เงินขอทาน ช่วยเหลือผู้อื่น สวดมนต์ นั่งสมาธิ เลี้ยงพ่อแม่ เหล่านี้เป็นต้น บุญเหล่านี้พอเราทำเสร็จ ไม่ถึง 3 วินาที นะ บุญไปกองรวมกันอยู่บนสวรรค์เลย ทีนี้พอเราจะทำบุญสักครัง เช่น หยอดเงินในวัดเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ หรือชำระหนี้สงฆ์ ให้เงินขอทาน เลี้ยงสัตว์ เลี้ยงพ่อแม่(บุญมากที่สุด) ให้เราอธิษฐานจิตว่า บุญนี้ขอให้เทวดาที่ดูแลรักษาตัวลูก ให้ท่องไวๆ ให้คิดในใจก็ได้ เพราะบุญจะไปเร็วมาก บุญนี้จะมาช่วยเราทันทีที่มีภัยร้ายแรง ที่ดวงตกอับ ในชาตินี้แหล่ะค่ะ

guardian-angel-300x415.jpg

พอเทวดท่านได้บุญ แสงประจำตัวของท่าน ก็จะผ่องใส เรืองรองขึ้น เทวดานี่เขาวัดกันที่แสงนะ ไม่เหมือนคน คนเราวัดกันที่ฐานะการเงิน ฐานะทางครอบครัว การศึกษา อาชีพการงาน แต่เทวดาวัดกันที่แสงนะ ใครสว่างมาก องค์นั้นถือว่ามีฤทธิ์มาก บุญที่เราส่งไปจะทำให้ฤทธิ์ของท่านมากขึ้น เวลาที่เราต้องการความช่วยเหลือ เทวดาจะมาทันที ฤทธิ์มากเท่าไหนก็ช่วยเราได้มากขึ้นเท่านั้น ท่านไม่ไปไหนอยู่แล้ว ท่านอยู่กับเราเสมอ เทวดาบางองค์ฤทธิ์ไม่มี เลยสู้ใครเขาก็ไม่ได้ แมะกระทั่งผี เปรต อสูรกาย เทวดาอง๕ืที่ไม่มีฤทธิ์นี่ยังต้องถอยเลย สู่ไม่ได้

บุญที่ทำแล้วได้อานิสงส์สูงมาก คือการที่คนเราเลี้ยงดูพ่อแม่ พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า พ่อแม่คือพระอรหันต์ของลูก ไม่ต้องวิ่งไปกราบพระที่ไหน พระที่บ้านมี ให้กราบทุกวัน ให้เลี้ยงท่านให้ดีที่สุด พระพุทธองค์ทรงตรัสอีกว่า " ลูกที่เกิดมาทุกคนนี้ หากนำพ่อแม่มายืนบนบ่าทั้งสองข้างของลูก แล้วให้ท่าน ปัสสาวะ อุจจาระ ลงบนตัวของลูก ตลอดทั้งชีวิตของลูก ลูกก็ยังไม่สามารถที่จะทดแทนบุญคุณของพ่อแม่ได้หมด " พี่อ่านเจอตอนนั้น พอกลับบ้านที่ต่างจังหวัดสักครั้ง พี่จะกราบเท้าท่านทุกครั้ง แบบกราบพระท่านเลย พี่โดนเลี้ยงแบบให้ดูแลตนเอง ไม่ค่อยได้กอดท่านเท่าไหร่ พอรู้อย่างนั้น ก็ต้องรีบขอกอดท่านทั้งสอง

1197960638.jpg

มีน้องผู้หญิงคนหนึ่ง เธอมาเรียนภาวนากับพี่ เพราะเธอเดือดร้อนและต้องการความช่วยเหลือ เพื่อนรุ่นน้องของพี่ที่อยู่ฟินแลนด์ ลากเธอมาเรีียนกับกลุ่มของพี่ กับอาจารย์พี่ เธอเล่าว่า เธอไปทำแท้งมา 7-8 ครั้งได้ และตอนนี้มีเสียงกระซิบที่ข้างหูตลอดว่า " วันแม่อีก 2 ปี ตายๆๆๆๆๆ มึงตายก็จะเอาชีวิตมึง มึงฆ่ากู " เธอกลัวมาก ไม่กล้านอนคนเดียว จะไปทำบุญก็มีเหตุไม่ให้ไป เพราะทำแท้งนี่ บาปหนัก ทำอะไรก็ไม่เจริญทั้งชีวิต เหมือนจะดี แต่ก็ไม่ดี เธอก็เลยมาเรียน หวังที่อาจจะช่วยเธอได้ แต่เธอไม่ได้อดทนเลย นักสักพักก็เมื่อย นั่งสักพักก็บิดไปมา บางครั้งลุกหนีเลย แล้วจะช่วยได้อย่างไร หมดหนทางช่วย เขาต้องช่วยตนเองก่อน ตอนนั้นหนีกลับไปอีก อย่างนี้ต้องปิดประตูขัง อย่างเข้าบ้าน Big brother งัย ถ้าไม่แพ้ ไม่โดนไล่ ก็ต้องอยู่ เข้าแล้วห้ามออก ต้องเอาอย่างนี้ภายหลัง LOL

มีบางคนมาเรียนประมาณ 10 วันรวด ร้องไห้ เพราะความเจ็บปวดตลอด บางครั้งเธอร้องไห้ออกมาดังๆ แล้วพูดว่า พ่อลูกปวดมาก ทรมาณมาก พ่อบอกต้องทนให้ได้ รูไหมไฟนรกนั่นมันร้อนกว่านี่กี่ร้อยกี่พันเท่า จนเธอสามารถทนได้ แบบพี่ขอปรบมือให้ พี่ยกนิ้วให้เลยคนนี้ สั่นทั้งตัว ร้องไห้ตลอด ตอนนั้นเจ้ากรรมนายเวรเขามารุม มาเหยียบเอา เขาจะไม่รับบุญ สุดท้ายก็ต้องรับ เพราะเธอเรียน 10 วัน ให้ทุกวัน แม้กระทั่งเจ้ากรรมนายเวรที่แค้นมาก ก็ต้องใจอ่อนยอมรับบุญไป พอจบกลับไป ชีวิตดีขึ้นมาก สามีที่ไม่เหลียวแล ตอนนี้เปลี่ยนไป นี่เพิ่งกลับจากไปเที่ยวเสปนกันมา พาลูก 2 คนไปเที่ยวด้วย จบการเรียนไปครอบครัวสุขสันต์ ตัวอย่างอย่างนี้ก็มีให้เห็น

กลับไปน้องคนนั้นต่อ ท่านอาจารย์พ่อที่สอนพี่พูดกับพี่ว่า " โอ! สงสารเทวดประจำตัวของน้องคนนั้นเหลือเกิน เพราะเทวดาประจำตัวนี่ ท่านไม่มีแสงเลย หมองมาก ๆ อย่างนี้จะไปสู้กับใครเขาได้ ไม่มีฤทธิ์เลย ถ้าจะเปรียบนะ ก็เหมือนกับสุนัขขี้เรื้อน..ขี้เรื้อนยังไม่พอ..ยังแก่หง่อมอีกด้วย" ฟังแล้วก็น่าสงสาร พี่ก้เลยอุทิศบุญที่พี่ทำมาตั้งแต่อดีตชาติ จนถึงปัจจุบันวันนี้ให้เทวดาของน้องคนนั้นไป พี่ก็สงสารเทวดานะ

คนเรายังดีที่สามารถทำบุญได้เอง เทวดานี่ต้องรอเราอุทิศไปให้ หรือไม่ก็ต้องมารออนุโมทนาบุญ เขาโมทนาได้ เขาก็ได้เช่นกัน ข้อนี้ถึงได้รู้ว่าเกิดเป็นคนถึงแม้มันจะลำบาก แต่ก็ยังเีที่สามารถสร้างบุญบารมีเองได้ ใครว่าเกิดเป็นเทวดาดี เทวดาที่เป็นมิจฉาทิฐิก็มีนะ เทวดาที่ไม่ดีมีตั้งมากมาย แต่ขอให้เทวดาของเรามีฤทธิ์ เราก็จะปลอดภัย และจะโชคดี อย่างไม่รู้ตัว

ทีนี้ตอนที่จะทำบุญต่างๆ ก่อนที่จะหยอดเงินลงตู้ในวัด ให้ข้าวสุนัข แมว นก หรือให้ขอทาน ซื้อของให้พ่อแม่ เลี้ยงดูท่าน ทุกครั้งก็อย่าลืมตั้งจิตใให้เร็วๆ ว่า " บุญนี้ขอให้เทวดาประจำตัวลูก " บุญนั้นก็จะยังอยู่กับเราทันทีเหมือนกัน จะช่วยเราเสมอยามที่มีปัญหา บางคนนี่เลี้ยงดูพ่อแม่ตลอด ถึงแม้เขาไม่ได้รู้เลยว่า บุญนั้นใหญ่หลวงสักเพียงใด แต่เขาก็ทำไปดดยไม่รู้ นี่สิถึงต้องขอซูฮกให้ ยบรรดาคนที่รู้คุณบุพการี พอรู้แล้ว อย่าลืมกลับบ้านไปกราบพ่อแม่ ซื้อของไปฝากท่านบ้างนะค่ะ หากว่าเราอยู่ไกล แนะนำให้ทำอย่างหนึ่งค่ะ ส่งเงินไปให้ท่าน แล้วโทรไปหาท่าน แล้วพูดกับท่านว่า " ลูกขอมอบเงินให้พ่อแม่ เพื่อตอบแทนพระคุณที่เลี้ยงลูกมาก และลูกขออโหสิกรรม กรรมใดที่ลูกเคยล่วงเกินต่อพ่อกับแม่ จะรู้หรือไม่รู้ก็ดี ระลึกได้หรือระลึกไม่ได้ก็ดี จะต่อหน้าหรือลับหลัง ไม่ว่าจะกี่ภพกี่ชาติที่ผ่านมาก็ตาม ด้วยกาย วาจา ใจ บัดนี้ลูกสำนึกผิดแล้ว ลูกขอกราบอโหสิกรรม กับพ่อแม่ด้วย ขอให้พ่อแม่อโหสิกรรมให้ลูกด้วย " อย่าลืมให้พ่อแม่พูดว่า " อโหสิกรรม " ด้วยนะค่ะ ลองทำดูนะค่ะ เรื่องเหล่านี้ ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงเลย แล้วคุณจะรู้ว่า ชีวิตที่ดีแล้ว จะยิ่งดีขึ้นไปอีก ชีวิตที่กำลังลำบาก ก็จะมีหนทาง มีผู้อุปภัมถ์ช่วยเหลือ ขออนุโมทนาด้วยค่ะ

ขอจบเรื่องเทวดา เท่านี้ค่ะ คิดออกจะมาเล่าให้ฟังใหม่นะค่ะ

*** ขอกราบน้อมน้อมพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ขออุทิศบุญที่ทำมาให้ท่าน และการที่ลูกได้นำเอาคำสอนของท่านมาเผยแพร่ ลูกขอมีส่วนร่วมในบุญนี้ทุกครั้งไป สาธุ ***

Edited by simply_oriental
Link to comment
Share on other sites

ต่ายก็เชื่อเรื่องนี้ค่ะ แล้วก่อนนอนทุกคืนก็เบิกบุญของตัวเองอุทิศถวายเทวดาประจำบ้านและประจำตัวคนในบ้านและของตัวเองประจำค่ะพี่เจน

Link to comment
Share on other sites

ความรัก ไม่เคยหายไปจากชีวิตใคร

95831.gif

ในทุก ๆ คืน เด็กหญิงคนหนึ่งชอบนั่งเหม่อมองที่ริมหน้าต่างเล็ก ๆ ในห้องนอนของเธอ เพราะตรงหน้าต่างห้องนั้น เธอจะมองเห็นประตูหน้าบ้าน และที่ประตูหน้าบ้าน เธอหวังจะได้เห็นการกลับมาของผู้เป็นพ่อ แม่มักบอกเธอเสมอว่าชีวิตอาจไม่ได้ดั่งใจไปเสียทุกอย่าง และพ่อก็พบทางใหม่ที่ดีกว่าเธอกับแม่ เขาจึงจะไม่มีวันกลับมาแล้ว เธอเข้าใจ แต่ยังมีความหวัง และคิดเสมอว่าตัวเองเป็นเด็กดี ดังนั้น พ่อจะต้องกลับมา หากแต่ในวันสุดท้ายที่เธอยังมีความหวังพ่อก็ไม่เคยกลับมา

เด็กหญิงคนนั้น เติบโตขึ้นมาพร้อมความว่างเปล่าในจิตใจ เธอโทษว่าเป็นความผิดของแม่ ที่ทำให้พ่อไปจากเธอ และเฝ้ามองหาผู้ชายสักคนมาเติมเต็มความว่างเปล่านั้นแทนพ่อ จนกระทั่งวันหนึ่งเธอก็ได้พบผู้ชายคนหนึ่งที่ดีพร้อม เธอคิดว่า "การเป็นเด็กดี" จะทำให้เขาอยู่กับเธอตลอดไป เธอจึงพร้อมทุ่มเททุกอย่างเพื่อเขา ชีวิตของเธอมีแต่เขา

แต่แล้วผู้ชายคนนั้นกลับบอกว่า เขาอึดอัดกับการอยู่ข้าง ๆ เธอ ความรักที่มากเกินไปของเธอทำให้เขาเดือดร้อน และขอให้เธอปล่อยเขาไป ดวงตาคู่เดิม ต้องมองผู้ชายที่รักมากเดินจากไปอีกครั้ง การเป็น "เด็กดี" ช่วยอะไรไม่ได้ และคราวนี้เธอก็โทษแม่ไม่ได้

เธอกลับมาที่บ้าน นั่งเหม่อมองออกไปที่หน้าต่างบานเดิม ความเศร้าทำให้เธอกินอะไรไม่ลง แม้ท้องจะหิวโหย เธอไม่รู้สึกอยากดูแลร่างกายที่ไร้ค่าของเธออีกต่อไป เฝ้านึกโทษโชคชะตา ที่กลั่นแกล้งให้เธอไร้พ่อ และไร้คนรัก ในช่วงเวลาแห่งความเศร้านั้น เธอคิดที่จะฆ่าตัวตาย เพราะคิดว่ามันน่าจะเป็นวิธีเรียกร้องความรักจากคนที่ไม่รักเธอได้ดีที่สุด เธอจึงเดินไปที่ประตูห้องนอน ตั้งใจจะออกไปที่ดาดฟ้าของบ้าน แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นถาดอาหารของแม่วางอยู่ที่หน้าประตูนั้น

หญิงสาวเพิ่งนึกได้ว่า เธอยังไม่ได้คุยกับแม่เลยตั้งแต่กลับมาที่บ้าน อันที่จริง เธอแทบหลงลืมไปแล้วว่า ยังมีแม่อยู่ในบ้านเดียวกับเธอ เธอจึงออกจากห้องไปตามหาแม่ และพบว่าแม่อยู่ที่หลังบ้านเพียงลำพัง นั่งหลังขดหลังแข็งซักเสื้อผ้าให้เธออยู่เงียบ ๆ บางครั้งแม่ใช้แขนปาดเหงื่อที่หน้าผากอย่างอ่อนล้า แต่ก็ยังคงซักผ้าให้เธอต่อไป ความรู้สึกบางอย่างแล่นเข้ามาสู่หัวใจอย่างน่าละอาย แม่กำลังพยายามทำทุกอย่างเพื่อดูแลเธอ แต่เธอกำลังคิดจะทำร้ายตัวเองเพื่อเหนี่ยวรั้งให้ผู้ชายคนหนึ่งกลับมา

หญิงสาวไม่เคยรู้เลยว่า...จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ทุกครั้งที่เธอเฝ้ามองประตูรั้วบ้านผ่านหน้าต่างห้องนอน มีใครคนหนึ่งเฝ้ามองเธอผ่านประตูด้านหลังของเธอเสมอ เธอมัวแต่เดินตามหาความรักที่ไม่มีอยู่ในมือ ทั้งที่ตลอดเวลายังมีอีกหนึ่งรักแท้ที่เดินตามเธออยู่ข้างหลัง เพียงแต่เธอไม่เคยหันกลับไปมองเท่านั้น

อันที่จริง เราทุกคนก็คงมีความรักแบบนี้ รักที่อยู่ใกล้เรามาเสมอ แต่เราทำเป็นมองไม่เห็น เพราะมัวแต่พยายามไขว่คว้าความรักที่ไม่มีอยู่จริง เฝ้าร่ำร้องอยากได้ความรักจากคนที่ไม่เห็นคุณค่าในตัวเรา แต่กลับผลักไสคนที่พร้อมจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อเรา หญิงสาวเดินกลับห้องนอน กินอาหารของแม่จนหมด แล้วเธอก็เดินกลับไปกอดแม่ เธอขอโทษที่ทำให้แม่ต้องเหนื่อยและรักเธอข้างเดียวมาเสมอ แม่กอดเธอ ไม่พูดอะไรมากมาย เพียงแค่ยิ้มอย่างโล่งใจและมีความสุขที่สุดในชีวิต

ความรักไม่เคยหายไปจากชีวิตใคร อยู่ที่ว่าเราจะยอมหันไปมองรักที่เดินตามหลังเรามาบ้างหรือเปล่า อย่ามัวฟูมฟายกับการจากไปของคนที่ไม่ได้รักเรา จนละเลยคนที่เดินตามหลังเรามาเสมอ เมื่อในวันนี้ "รักแท้" มันอยู่ใกล้ชีวิตคุณที่สุดแล้ว

Edited by simply_oriental
change strory
Link to comment
Share on other sites

วิธีการเบิกบุญ

วิธีการเบิกบุญที่เคยทำไว้โอนออกไปดังนี้

รอบแรก"ข้าขออำนาจพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลบุญที่ข้าเคยทำไว้ให้ถึงแก่ เปรต-ผี-ปีศาจ-เทวดา-มาร-พรหม-ยักษ์-คนธรรพ์-กุมภัณฑ์-นาค-ครุฑ-อสูร-กินรา-เงือก ที่เป็นญาติข้าจงเป็นสุขจากบุญที่ข้าให้นี้เถิด"

รอบต่อไป

โอนให้ทุกกลุ่มเหมือนกันแต่เปลี่ยนคำลงท้ายแทนที่ขีดเส้นใต้ว่า "ที่เป็นนายเวรข้ารับบุญแล้วจงเป็นสุขเถิด ข้าขออภัยในความผิดที่เคยทำกับพวกท่านไว้ เรามาสร้างบุญร่วมกันมามีความสุขไปด้วยกันเถิด" การเบิกบุญนี้คิดได้ทุกเวลานาทีแม้ทำอะไรอยู่ก็ตาม วันละหลายๆ ครั้งมากเท่าไหร่ยิ่งดี ... .. .

การเปิดโอกาสให้ญาติต่าง ๆ เข้าสิงสถิตในทรัพย์สมบัติดังนี้

"ข้าขออำนาจพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลให้ (..........) จงเปิดโอกาสให้ เปรต-ผี-ปีศาจ-เทวดา-มาร-พรหม-ยักษ์-คนธรรพ์-กุมภัณฑ์-นาค-ครุฑ-อสูร-กินรา-เงือก ที่เป็นญาติข้าและผู้ที่อยากเป็นญาติข้า จงตั้งใจขอเป็นญาติข้า เข้าสิงสถิตตามสมควรแก่ภูมิของตนเถิด ข้าจะทำบุญให้ เมื่อได้บุญแล้วจงช่วยให้กิจการที่ทำอยู่นี้รุ่งเรือง มีความสุขร่วมกันตลอดไปเถิด"

หมายเหตุ : ที่ (..........) ใครจะเติมคำว่า บ้านข้า รถข้า ตู้ เตียง คอมพิวเตอร์ หรือตามสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ก็ได้ทั้งนั้น

การเบิกบุญแก้ไขโรคโดยเจาะจงให้เฉพาะจุด ดังนี้

"ข้อขออำนาจพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์จงบันดาลบุญที่ข้าเคยทำไว้ให้ถึงแก่นายเวรกับเชื้อโรคที่ก่อกวนอยู่ใน ......... จงเป็นสุขจากบุญที่ข้าให้นี้ แล้วออกจากร่างกายของข้าไปเถิด"

หมายเหตุ : (ตรงที่เว้น ........ ไว้นั้นให้ระบุส่วนของร่างกายที่กำลังเกิดการเจ็บป่วยหรือมีเชื้อโรคก่อกวนอยู่ เช่น ป่วยเป็นโรคตับอักเสบก็ให้บอกว่า "ให้ถึงแก่นายเวรกับเชื้อโรคที่ก่อกวนอยู่ในตับของข้านี้") หรือ หากเป็นโรคจมูกอักเสบก็ให้บอกว่า "ให้ถึงแก่นายเวรกับเชื้อโรคที่ก่อกวนอยู่ในจมูกของข้านี้" หรือ หากเป็นโรคเอดส์ก็ให้บอกว่า "ให้ถึงแก่นายเวรกับเชื้อโรคที่กัดกินหรือทำลายเม็ดเลือดขาวของข้า ที่ทำให้ข้าเป็นโรคเอดส์อยู่นี้" เป็นต้น

อนึ่ง หมอ-พยาบาลหากไม่อุทิศบุญให้กับเชื้อโรคที่ตายจากการที่ตนฉีดยา,ฉายรังสี,ผ่าตัด (เอาอวัยวะที่เสียออก) ฯลฯ เชื้อโรคที่ตายเหล่านั้นก็จะโกรธแค้นหมอ แล้วก็จะติดตามคอยเล่นงานหมอไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หากเล่นงานหมอไม่ได้ก็จะเล่นงานลูกหลานหรือสัตว์เลี้ยง หรือแม้แต่กระทั่งต้นพืชของหมอคนนั้นต่อไป (แม้หมอนวดแผนโบราณก็ให้อุทิศบุญให้กับผีปีศาจและเชื้อโรคที่ก่อกวนอยู่ในคนที่ตนรักษาด้วยเหมือนกัน)

Link to comment
Share on other sites

การอุทิศบุญที่ได้รับผลทันที การอุทิศบุญหรือการโอนบุญสามารถทำได้ทุกขณะจิต ดังนี้

1. การโอนบุญในชีวิตประจำวัน

ขณะที่ทำ ผู้ทำมีความสุขและมีความยินดีในการกระทำ เช่น

ตอนเช้า

- ทำอาหาร-จัดอาหารให้ผู้อื่นกิน

- ป้อนข้าวให้ลูก

- ให้เงินลูกไปโรงเรียน หรือไปส่งลูกที่โรงเรียน

- ให้ข้าวสุนัข หรือให้อาหารสัตว์เลี้ยง

บุญเหล่านี้สามารถโอนบุญได้ทันทีโดยตั้งจิตอธิษฐานว่า บุญนี้ยกให้กับ ... (เจ้ากรรม นายเวรที่เบียดเบียนข้าพเจ้า, เทวดาผู้รักษาข้าพเจ้า, เทวดาผู้รักษาพ่อแม่ข้าพเจ้า ... ฯลฯ)

ตอนกลางวัน ขณะทำงาน

- ขณะยื่นงานให้กับเจ้านาย

- เลี้ยงอาหารผู้ร่วมงาน

ตอนกลางคืน

- จัดที่นอนให้ลูก ห่มผ้าให้ลูกให้สามีภรรยา

- ดู VCD หรือฟังธรรมะแล้วเกิดความรู้หรือเกิดปีติ

หมายเหตุ : เมื่อได้ทำความดีอะไรก็ตามแม้เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็สามารถอุทิศบุญนั้นได้ทันที ... .. .

2. การโอนบุญเมื่อไปวัด

ขณะใส่บาตรหรือถวายของพระให้ตั้งจิตอธิษฐานทันทีว่า "บุญนี้ยกให้เจ้ากรรมนายเวรที่มาเบียดเบียนข้าพเจ้าและเทวดาประจำตัวข้าพเจ้าเมื่อรับบุญแล้ว ... (ช่วยข้าให้ได้เลื่อนตำแหน่งและได้เงินเดือนเพิ่มมากขึ้น ฯลฯ)

ขณะที่เห็นผู้อื่นทำบุญ เช่น เห็นผู้อื่นถวายของพระ ให้อธิษฐานจิตว่า "ข้าพเจ้าขออนุโมทนาบุญที่ท่านทำบุญที่เกิดจากการอนุโมทนานี้ขอยกให้แก่เจ้ากรรมนายเวรของข้าที่เดินทางมาถึงและเหล่าเทพเทวาที่อยู่บริเวณบ้านข้าเมื่อรับบุญแล้วขอให้ ... (ดูแลรักษาบ้านข้าให้มีความสงบสุขและปลอดภัย ฯลฯ)"

ขณะฟังเทศน์จากพระก็โอนบุญได้เช่น "ขออนุโมทนาบุญกับพระอาจารย์ที่เทศน์ บุญนี้ยกให้แก่ ... (เจ้ากรรมนายเวรที่มาเบียดเบียนลูกข้าพเจ้าและเทวดาประจำตัวลูกข้าพเจ้า เมื่อรับบุญแล้ว จงช่วยให้...ลูกข้าเรียนเก่งและชื่อฟังพ่อแม่ ฯลฯ)"

ขณะเตรียมของถวายพระ, ล้างจาน กวาดลานวัด ฯลฯ สามารถโอนบุญได้โดยอธิษฐานจิตว่า "บุญนี้ยกให้แก่เจ้ากรรมนายเวรที่มาเบียดเบียนพ่อแม่ของข้าพเจ้า และเทวดาประจำตัวพ่อแม่ของข้าพเจ้า เมื่อรับบุญแล้วจงช่วยให้ ... (พ่อแม่มีความสุขความสบาย, หายขี้บ่น ฯลฯ) ในส่วนของวงเล็บสามารถปรับเปลี่ยนคำได้ตามแต่ใครจะคิดอธิษฐานเอา

หมายเหตุ : การโอนบุญ โอนให้แก่เทวดาประจำที่ทำงาน .... (เทวดาประจำบ้าน ฯลฯ เพื่อขอให้ท่านช่วยประสานงานกับเทวดาประจำตัวเราเพื่อช่วยให้... (สิ่งที่ปรารถนาสัมฤทธิ์ผล)

การโอนบุญในขณะที่ได้ใส่บาตรหรือได้ถวายของพระ ฯลฯ นั้นเมื่อของวางหลุดจากมือของตนปุ๊บให้รีบคิดโอนบุญทันทีอย่าชักช้า แล้วก็ไม่ต้องไปกรวดน้ำให้เสียเวลาเพราะบุญจะสำเร็จแก่ผู้ที่อยู่ในโลกทิพย์จากการคิดให้ (โอนให้) ไม่ใช่สำเร็จเพราะการกรวดน้ำ ... .. .

วิธีปฏิบัติการเบิกโอนบุญประจำวัน

ตื่นเช้า เบิกบุญให้ผู้ที่มาเกี่ยวข้องกับเราโดยทางฝันรวมทั้งให้เทวดาประจำตัว เจ้ากรรมนายเวรที่เบียดเบียนทั้งภายนอก และภายในกายของเราตลอดถึงภูตผีปีศาจ เปรต ปอบ นาค ครุฑ อสูร ยักษ์ คนธรรพ์ กุมภัณฑ์ ยมทูต เทวดา มาร และพรหมที่เป็นญาติของเรา ที่อยู่บริเวณบ้านนี้

เข้าห้องน้ำ เบิกบุญให้แบคทีเรียจุลินทรีย์ต่าง ๆ ที่ตายจากการที่เราอาบน้ำชำระร่างกายต่าง ๆรวมทั้ง ให้เชื้อโรคต่างๆ ที่ออกไปจากร่างกายของเรา เพราะการขับถ่ายด้วย ก่อนออกจากห้องน้ำก็เบิกบุญให้กับเชื้อโรคทั้งหมดที่อยู่ในห้องน้ำ

เวลากินข้าว เบิกบุญให้กับวิญญาณสัตว์ที่สถิต ในผัก ในข้าว ในเนื้อสัตว์ ในน้ำ ในอาหารทั้งหมดนั้น รวมทั้งให้กับดวงใจสัตว์ที่ตายที่เรานำมาทำอาหารด้วย

ไปทำงาน เบิกบุญให้เทวดาประจำรถ และภูตผีปีศาจที่อยู่กับรถ และบอกเทวดาให้คุ้มครองป้องกันให้การเดินทางปลอดภัย ขณะเดินทาง เบิกบุญให้ภูตผีปีศาจ ปอบ เปรต เทวดา ฯลฯ ที่อยู่ตามถนนหนทาง ถึงที่ทำงาน เบิกบุญให้เทวดาประจำตัวผู้ร่วมงานทั้งหลาย และ ภูตผีปีศาจ ปอบ เปรต อสูร ฯลฯ ที่อยู่ในที่ทำงาน

ถ้ามีอาการเครียด ก็โอนบุญให้เทวดา เจ้ากรรมนายเวรที่เบียดเบียนอยู่ทั้งภายนอกและภายในกายและที่ก่อกวนอยู่รอบดวงจิตของเรา

กลับจากทำงาน เบิกบุญให้เทวดาประจำรถ และภูตผีปีศาจ ปอบ เปรต ฯลฯ ที่อยู่ในรถ และตามถนนที่จะเดินทางกลับ

เมื่อถึงบ้าน ก็เบิกบุญให้ หมู่ภูตผีปีศาจ ปอบ เปรต อสูรกาย นาค ครุฑ อสูร ยักษ์ คนธรรพ์ กุมภัณฑ์ ยมทูต เทวดา มาร และพรหมที่เป็นญาติของเรา ทำกิจธุระส่วนตัวใด ๆก็เบิกบุญให้ เหมือนตอนเช้า

ถ้านอนไม่หลับ ให้เบิกบุญ ให้เจ้ากรรมนายเวรที่เบียดเบียนอยู่ทั้งภายนอกและภายในและรอบดวงจิตของเรา หรือให้ผู้ที่ทำให้ข้านอนไม่หลับอยู่ในเวลานี้ เป็นต้น

(ทุกครั้งที่เบิกโอนบุญให้ว่า .... ข้าพระพุทธเจ้า ขอถึงอำนาจ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลให้บุญที่ข้าพเจ้าเคยสร้าง มาตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบัน บุญนี้จงถึงแก่)

Link to comment
Share on other sites

วิธีปฏิบัติการเบิกโอนบุญประจำวัน

ตื่นเช้า เบิกบุญให้ผู้ที่มาเกี่ยวข้องกับเราโดยทางฝันรวมทั้งให้เทวดาประจำตัว เจ้ากรรมนายเวรที่เบียดเบียนทั้งภายนอก และภายในกายของเราตลอดถึงภูตผีปีศาจ เปรต ปอบ นาค ครุฑ อสูร ยักษ์ คนธรรพ์ กุมภัณฑ์ ยมทูต เทวดา มาร และพรหมที่เป็นญาติของเรา ที่อยู่บริเวณบ้านนี้

เข้าห้องน้ำ เบิกบุญให้แบคทีเรียจุลินทรีย์ต่าง ๆ ที่ตายจากการที่เราอาบน้ำชำระร่างกายต่าง ๆรวมทั้ง ให้เชื้อโรคต่างๆ ที่ออกไปจากร่างกายของเรา เพราะการขับถ่ายด้วย ก่อนออกจากห้องน้ำก็เบิกบุญให้กับเชื้อโรคทั้งหมดที่อยู่ในห้องน้ำ

เวลากินข้าว เบิกบุญให้กับวิญญาณสัตว์ที่สถิต ในผัก ในข้าว ในเนื้อสัตว์ ในน้ำ ในอาหารทั้งหมดนั้น รวมทั้งให้กับดวงใจสัตว์ที่ตายที่เรานำมาทำอาหารด้วย

ไปทำงาน เบิกบุญให้เทวดาประจำรถ และภูตผีปีศาจที่อยู่กับรถ และบอกเทวดาให้คุ้มครองป้องกันให้การเดินทางปลอดภัย ขณะเดินทาง เบิกบุญให้ภูตผีปีศาจ ปอบ เปรต เทวดา ฯลฯ ที่อยู่ตามถนนหนทาง ถึงที่ทำงาน เบิกบุญให้เทวดาประจำตัวผู้ร่วมงานทั้งหลาย และ ภูตผีปีศาจ ปอบ เปรต อสูร ฯลฯ ที่อยู่ในที่ทำงาน

ถ้ามีอาการเครียด ก็โอนบุญให้เทวดา เจ้ากรรมนายเวรที่เบียดเบียนอยู่ทั้งภายนอกและภายในกายและที่ก่อกวนอยู่รอบดวงจิตของเรา

กลับจากทำงาน เบิกบุญให้เทวดาประจำรถ และภูตผีปีศาจ ปอบ เปรต ฯลฯ ที่อยู่ในรถ และตามถนนที่จะเดินทางกลับ

เมื่อถึงบ้าน ก็เบิกบุญให้ หมู่ภูตผีปีศาจ ปอบ เปรต อสูรกาย นาค ครุฑ อสูร ยักษ์ คนธรรพ์ กุมภัณฑ์ ยมทูต เทวดา มาร และพรหมที่เป็นญาติของเรา ทำกิจธุระส่วนตัวใด ๆก็เบิกบุญให้ เหมือนตอนเช้า

ถ้านอนไม่หลับ ให้เบิกบุญ ให้เจ้ากรรมนายเวรที่เบียดเบียนอยู่ทั้งภายนอกและภายในและรอบดวงจิตของเรา หรือให้ผู้ที่ทำให้ข้านอนไม่หลับอยู่ในเวลานี้ เป็นต้น

(ทุกครั้งที่เบิกโอนบุญให้ว่า .... ข้าพระพุทธเจ้า ขอถึงอำนาจ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลให้บุญที่ข้าพเจ้าเคยสร้าง มาตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบัน บุญนี้จงถึงแก่)

วิธีอนุโมทนาบุญ

ในขณะที่เห็นผู้อื่น ถวายสังฆทาน ใส่บาตร ทำทาน เมื่อสิ่งของนั้นหลุดจากมือไปแล้วให้คิดในใจทันทีว่า สาธุบุญนี้จงถึงแก่ (อธิษฐานให้ตามที่ปรารถนา) หรือเห็นผู้อื่นรักษาศีล เจริญสมาธิภาวนา ทำการใดๆ ที่เป็นบุญเป็นกุศล ก็อนุโมทนาบุญได้ ... .. .

ประโยชน์การโอนบุญ

1.ร่างกายแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ เพราะเจ้ากรรมนายเวรไม่มาเบียดเบียนหรือหากป่วยอยู่ก็ทำให้หายเร็วขึ้น

2.ประสบผลสำเร็จในสิ่งที่ตั้งใจและมุ่งหวัง เพราะเทวดาที่ดูแลเราช่วยเหลือ และเจ้ากรรมนายเวรที่เป็นศัตรูกลับกลายเป็นมิตร

3.ครอบครัวมีความสุข ลูกเชื่อฟังพ่อแม่

4.ช่วยให้จิตใจอ่อนโยนมีเมตตา

5.การเดินทางปลอดภัย เพราะเป็นที่รักของมนุษย์และอมนุษย์

6.ปฏิบัติธรรม เจริญในธรรมปัญญาเกิดขึ้นง่าย ...

การนั่งสมาธิ ขณะเริ่มนั่งให้แผ่บุญเสียก่อน โดยอธิษฐานว่า "ขอบุญกุศลที่เกิดขึ้นในขณะภาวนาของข้าคราวนี้จงสำเร็จแก่ (เจ้ากรรมนายเวรที่เบียดเบียนอยู่ภายนอกและนายเวรที่ก่อกวนอยู่ภายในร่างกายของข้าพเจ้าเทวดาประจำตัวข้าพเจ้า นาค ครุฑ อสูร ยักษ์ คนธรรพ์ เงือก กินรา ยมทูต มาร พรหม และภูตผีปีศาจ ปอบ เปรต ที่อยู่บริเวณนี้) ขอให้ท่านอย่าได้ขัดขวางการปฏิบัติ สมาธิภาวนาของข้าพเจ้า"

หรือจะแปรสภาพบุญก่อนว่า "ขอบุญกุศลที่เกิดขึ้นในขณะภาวนาของข้าคราวนี้ จงแปรสภาพเป็นสิ่งต่าง ๆ ตามที่อมนุษย์ที่อยู่รอบๆ ข้าเวลานี้เขาต้องการแล้วขอให้บุญที่แปรสภาพแล้วนั้นเป็นของเหล่าอมนุษย์ที่อยู่รอบ ๆ ข้านี้ ขอให้เขาสมปรารถนาจากบุญที่ข้าให้นี้เทอญ" ... .. .

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

http://dharma.thaiware.com/dharma_article.php?id=125

Link to comment
Share on other sites

ได้สิค่ะ lemonhoney พี่จะลองหามา update ทุกวัน ลองมาเช็คดูได้ค่ะ

อนุโมทนากับน้องต่ายด้วยค่ะ สำหรับวิธีการเบิกบุญ เมื่อก่อนพี่ใช้บ่อยๆ แต่พักหลังไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ เพราะว่าจะมามัวนั่งเบิกบุญอย่างเดียว ให้ทั้งคนสัตว์ สิ่งของนี้ มันเยอะมากไป พี่เจนเลยให้เฉพาะที่สำคัญ และทำได้ เช่นเทวดาของเรา ของพ่อแม่พี่น้อง เจ้ากรรมนายเวรของเรา ของพ่อแม่พี่น้อง หรือยามจำเป็นป่วยไข้ ไม่สบาย คนเราทำบุญมามากหลายภพชาติ ต้องเบิกมาช่วยด้วยยามจำเป็น แต่คนเราที่นั่งทำงานนี่ เวลามันน้อย มันทำงานซะส่วนมาก ก็ทำได้ตามเท่าที่ตั้งใจจะทำ จะให้จ๊ะ

วิธีเบิกบุญเหล่านี้ ของท่านพระอาจารย์เกษม อาจิณณสีโล วัดป่าสามแยก อำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ ขออนุโมทนาด้วยกับท่านพระอาจารย์ในเรื่องนี้ค่ะ

Link to comment
Share on other sites

เมื่อวานเป็นเรื่องของแม่กับลูกสาว วันนี้ไปอ่านเจอมา เรื่องพ่อกับลูกชาย เก็บมาฝากค่ะ

ลื๊อมีร่มไม๊...แค่คำนี้ นิสัยผมเปลี่ยนทันที..

สมัยก่อน ผมเป็นคนที่จริงจังกับความรักมาก ทุ่มเทกับแฟน หรือสาวที่จีบแบบสุดๆ จีบก็จีบทีละคน รักใครรักจริง takecare กระจายไม่ได้กลัวตัวเองเหนื่อย ยอมประหยัดเงินสารพัด ทำงานพิเศษ ได้เงินมาเลี้ยงแฟน อะไรอย่างนั้น ฟังๆดู ก็เหมือนวัยรุ่นทั่วไปอ่ะนะครับ แต่การเรียนก็ไม่ให้เสียนะครับ ผมก็ตั้งใจเรียนด้วย เพราะสัญญากับป๊าและม้า (พ่อกับแม่)ไว้ ว่าจะเอาเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาให้ท่าน ซึ่งสุดท้ายก็ทำได้จริงๆ [เก่งไม๊เล่า ขออวดหน่อย :)

แต่ยังไงก็แล้วแต่ ด้วยความที่รักแฟนมาก แน่นอน เราย่อมมีเวลาให้แฟนอย่างที่สุด จนลืมนึกถึงคนที่รักเราและดูแลเรามาตลอดทั้งชีวิต อย่างป๊าและม้า หลายๆครั้งท่านทั้งสองก็ห่วงเรา คอยเตือนเรา เพราะคุยโทรศัพท์ก็เสร็จดึก วันธรรมดาเรียนเสร็จก็ต้องไปส่งบ้าน กลับบ้านดึกมาก ข้าวก็กินดึก กับข้าวที่ม้าทำไว้ให้ บางทีก็ไม่ได้กิน เพราะไปกินกับแฟนแล้ว วันเสาร์อาทิตย์ ก็ไปหาแฟน เก็บเงินไว้ซื้อของให้แฟน หายใจเข้าออกเป็นสาวคนนั้นเลยทีเดียว เวลามีให้แฟนมากกว่าที่มีให้ตัวเองและป๊าม้า หลายๆครั้ง ป๊าม้าคอยเตือน เพราะท่านห่วงเราว่าจะไม่ได้พักผ่อน กลัวเหนื่อย กลัวเสียการเรียน แต่เราก็อดที่จะหงุดหงิดไม่ได้ มีปากเสียงกับท่าน ทำให้ท่านเสียใจไปก็คงไม่น้อยหล่ะ (รู้สึกผิดจริงๆ) ทีนี้ แน่นอนว่า ความรักผม มันไม่ได้ยืนยาวหรอกครับ

images(1).jpg

....และแล้ว มันมาถึงจุดสิ้นสุดของความรัก แต่ก็เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตด้วยเหมือนกัน....

....ช่วงใกล้ๆเลิกกับแฟน เพราะแฟนคนนี้ มีหนุ่มมาจีบใหม่ ซึ่งแน่นอน...ดีกว่าผมทุกอย่าง ยกเว้นหน้าตา 5555 (อันนี้ให้หลายๆคนตัดสินนะนั่น ไม่ได้คิดเองนะคร๊าบบบบบ).....แฟนเริ่มเปลี่ยนไป หงุดหงิดเราง่ายขึ้น ไม่คุยเหมือนเดิม ไม่ได้เที่ยวกันเหมือนเดิม แล้วยังไงดีหล่ะ เราก็เสียใจ หงุดหงิดเหมือนกัน อารมณ์แปรปรวน ว๊ากที่บ้านไปก็มีบ้าง เวลาคนที่บ้าน ป๊าม้า พี่น้องเตือนเรา ก็คนมันหงุดหงิดอ่ะนะ ทำไงได้

............แล้ววันที่ทำให้ผมคิดได้ก็มาถึง

วันนั้นผมทำงานที่มหาลัยเสร็จค่ำมาก หน้าฝน แน่นอน ฝนตกหนัก...ระหว่างผมนั่งรถเมล์กลับบ้าน ก็คิดถึงแฟน (ที่กำลังจะเลิกกัน) ก็เลยโทรหา บทสนทนาคร่าวๆ:-

girlboy.jpg

ผม: อยู่ไหนครับ ทำอะไรอยู่ ฝนตกหนักหรือเปล่าตรงนั้น

แฟน: กำลังกลับบ้าน ตก มีอะไรก็รีบๆพูด

ผม: มีร่มไม๊

แฟน: ไม่มี

ผม: แล้วทำยังไง เดี๋ยวตากฝน ไม่สบายนะ

แฟน: ไม่เป็นไร จัดการเองได้ โตแล้ว

ผม: แล้วกินอะไรหรือยัง

แฟน: ยัง ยังไม่หิว

ผม: กลับบ้านดีๆนะ ถ้าฝนตกหนัก หาที่หลบก่อน รอฝนซาแล้วค่อยกลับ ดูแลตัวเองด้วย เป็นห่วง

แฟน: (เริ่มหงุดหงิด) อืม รู้แล้ว ไม่มีอะไรใช่ไม๊ แค่นี้นะ !! ..... แล้วก็วางหูไป

ตอนนั้น ผมอยู่บนรถเมล์แล้วนะครับ หลังจากวางหูไป ผมเสียใจมาก เพราะว่าเราหวังดี ไม่คิดว่าจะทำให้รำคาญ....และแล้ว จุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดก็มาแล้ว เสียงโทรศัพท์ดังครับ......

ผม: ฮัลโหล

ป๊า: (เรียกชื่อผม) ลื๊ออยู่ไหนเนี่ย

ผม: อยู่บนรถเมล์ ป๊ามีอะไร กำลังกลับบ้าน

ป๊า: กินข้าวหรือยัง

ผม: ยังอ่ะ

ป๊า: เออๆ ที่บ้านอาม้าทำกับข้าวไว้แล้ว มี (บอกชื่อกับข้าว)

ผม: อืม

ป๊า: แถวบ้านฝนตกหนักนะ ลื๊อเอาร่มไปหรือเปล่าเนี่ย

ผม: ไม่มีอ่ะ ไม่ได้เอามา

ป๊า: อ้าว แล้วเดี๋ยวลงรถ จะทำไง จะตากฝนกลับบ้านเหรอ (จากป้ายรถเมล์ ผมต้องเดินอีกไกลกว่าจะถึงบ้าน)

ผม: อืมๆ ไม่เป็นไร เดี๋ยวลุยกลับบ้านไป แป๊ปเดียว ไม่เป็นไรหรอก

ป๊า: เออๆ เอางี๊ ลื๊อลงรถแล้วโทรหาป๊า เดี๋ยวป๊าเอาร่มไปรับ

ผม: ไม่เป็นไรป๊า เดี๋ยวเค้ากลับเอง (ผมใช้แทนตัวเองว่า “เค้า†กับป๊าและม้ามาตั้งแต่เด็กๆ...ดูเป็นลูกแหง่เนอะ ^^â€)

ป๊า: เออๆ ลงรถแล้วโทรมาละกัน แค่นี้แหละ....วางหู

images%20(1).jpg

...สังเกตอะไรกันไม๊ครับ...

...บทสนทนาผมกับแฟน แทบจะเหมือนกับที่ป๊าพูดกับผมเลย...นั่นหล่ะครับจุดเปลี่ยน

...ในขณะที่เราห่วงใครบางคน ใครก็ไม่รู้ ผู้หญิงที่รู้จักมาไม่เกิน 2 ปี รัก และพยายามดูแลทุกอย่าง จะโดนด่าให้เจ็บช้ำน้ำใจขนาดไหนก็ทนเหลือเกิน จะห่วงเค้า แล้วเค้าเห็นค่าของเราหรือเปล่าก็ไม่รู้

...แต่มีชายหญิงคู่หนึ่ง รักเรามากกกกกก มากจริงๆ ถึงแม้จะไม่เคยพูดว่ารักเลย แต่การแสดงออก มันใช่ ต้องใช่แน่ๆ มันเป็นอะไรที่พูดยาก.....เอ้ย เริ่มเป็นเพลง...เอาใหม่ๆ

...มีชายหญิงคู่หนึ่ง ก็พ่อแม่เรานี่หล่ะ รักเรามาก ไม่เคยหวังผลตอบแทน ห่วงเราได้ทุกสถานการณ์ ต่อให้เราเคยหงุดหงิด มีปากเสียงกับท่าน ถามว่าท่านโกรธไม๊....แหะๆ ก็คงมีบ้าง แต่ท่านก็ไม่ได้คิดอะไร และสุดท้ายความโกรธนั้นก็หาย และท่านก็ยังรัก หวังดี แล้วก็ห่วงเราเหมือนเดิม

dadson1.jpg

แต่แปลก ทำไมเราต้องไปสนคนอื่น แคร์คนอื่น ไปเสียใจ เพราะคนอื่นไม่รัก โอย ฟูมฟายกันเลยทีเดียว ตอนเลิกกับแฟน

เราเสียใจให้กับคนที่เรารัก แล้วไม่รักแล้ว....แล้วรู้ไม๊ว่า

คนที่รักเราที่สุดในโลก พ่อแม่เรา เค้าเสียใจมากขนาดไหน ที่เห็นเราเสียใจ เห็นเราเป็นทุกข์

กับคนที่เรารัก เราซื้อของให้ มีเวลาให้ ดูแลสารพัด takecare สารพัด

....นี่หล่ะครับ ความคิดที่ออกมาทั้งหมด หลังจากแค่ป๊าถามว่า....แล้วลื๊อมีร่มไม๊

ตั้งแต่วันนั้น ผมเปลี่ยนเป็นคนละคนเลยครับ ไม่สนคนอื่นแล้ว ถึงผมจะมีแฟนใหม่ ผมดูแลแฟนผม แต่แน่นอน ไม่เท่ากับที่ผมดูแลคนที่บ้าน ผมบวชให้ป๊าให้ม้า ผมเลิกเหล้า เลิกบุหรี่ เพื่อป๊ากับม้า ผมพาป๊า ม้า ไปกินข้าว กินอาหารในร้านอาหารนอกบ้านบ่อยขึ้น อยู่บ้านมากขึ้น (แหงหล่ะสิ ก็ถึงตอนนี้ มันโสดนี่หว่า จะให้ไปเที่ยวที่ไหน) พาป๊าม้าไปทำบุญที่วัดบ่อยเท่าที่มีโอกาส ผมซื้อของขวัญเล็กๆน้อยๆให้ป๊ากับม้า ทุกครั้งที่ได้มาทำงานหรือดูงานต่างประเทศ ถึงแม้บางที จะทำเป็นบ่นว่าซื้อมาทำไม แพงเปลืองตังค์ แต่...แหนะ อย่ามาแอ๊บ เห็นนะว่าแอบยิ้ม ? และแน่นอนครับ ผมมีความสุขมากขึ้น มากขึ้นมากๆจริงๆ เพราะว่า

Lovely_illustration_of_Happy_family_on_sofa_wallcoo_com.jpg

ผมเห็นคนสองคน ที่รักผมมากที่สุด และผมก็รักเค้าทั้งสองคนมากที่สุด มีความสุข

.......จบบริบูรณ์...

ขอบคุณที่มาที่ทำให้วันนี้ยิ้มได้อย่างมีความสุขอีกหนึ่งวัน : http://www.unigang.com/Article/7104

Link to comment
Share on other sites

ขอเบรคด้วยเรื่องนี้ค่ะ

Missing Boy เด็กหายค่ะ

oyjl1.jpg

r4fe2.jpg

ประกาศหลานชายที่รักหายไป

โดยโดนหญิงชาวพม่าพาหายไป โดยที่หลานคนนี้เป็นเด็กสัญชาติไทย

ชื่อจริงชื่อ ด.ช.ณรงค์ฤทธิ์ ยิ้มสิงห์

ชื่อเล่น น้องเบียร์

อายุประมาณ 4-5 ขวบ

โดยหายไปกับหญิงชาวพม่าชื่อ ปรางค์ ฝากช่วยให้ทุกๆ ท่านส่งเมลนี้ต่อๆ กันไปด้วยนะคะ

ต้องการตามตัวหลานคนนี้ด่วนมากๆ เลยค่ะ

แล้วหลานคนนี้เป็นเด็กที่น่ารักมากๆ เลยนะคะ ถ้าท่านใดพบเห็นหลานอยู่แถวๆ บริเวณใด

ช่วยติดต่อกลับมาที่เบอร์ 083-1322238 083-1322238

หรือ 087-3481333 087-3481333 ด้วยนะคะ

6v333.jpg

lm724.jpg

ร่วมด้วยช่วยกันนะค่ะ มีเพื่อนๆ ก็ รบกวน Forward mail ไปด้วยค่ะ สาธุค่ะ

Link to comment
Share on other sites

วันนี้มีเรื่องราวน่ารู้มาฝากค่ะ

ได้พบกันเพราะความสัมพันธ์ในอดีต

ถาม : การที่บุคคลซึ่งเป็นชาวต่างชาติที่เราไม่รู้จักเลย อยู่ดี ๆ ก็อยากจะเข้ามาแย่งคิวที่จะสอนภาษาอังกฤษให้ คนเหล่านี้แค่เราเอ่ยปากว่า เราต้องการเรียนภาษาอังกฤษก็มาทั้งหมด ๓ คนเรียงกัน มาทั้งหญิงทั้งชาย แสดงว่าเคยมีความสัมพันธ์...?

ตอบ : พระพุทธเจ้าตรัสว่า "บุคคลที่เกิดมาในโลกแล้วได้พบกัน ในอดีตไม่มีความสัมพันธ์มานั้นไม่มี" ต้องเคยมีความสัมพันธ์กันมาอย่างน้อย ๆ ในฐานะใดฐานะหนึ่ง

หลวงพี่ประทีปพระที่น่ารักของวัดท่าซุง เดินทางไปอเมริกาพร้อมกับหลวงพ่อวัดท่าซุง ที่อเมริกาหนาวมาก พระใส่เสื้อกันหนาวไม่ได้ ก็ได้แต่ห่มจีวร ปรากฏว่ามีคุณมืดหลายคน เดินมาก็ส่งเงินให้เอาไปซื้อสเวตเตอร์ อีกคนหนึ่งก็มาส่งสตางค์ให้บอกเอาไปซื้อ พระทั้งกลุ่มเขาให้ท่านอยู่รูปเดียว ท่านก็งง ๆ ว่าอะไรกัน..?

หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า "เอ็งเคยเกิดที่นี่ เป็นหัวหน้าเผ่าอินเดียนแดง พวกนั้นลูกน้องเก่าของเอ็งทั้งนั้น เขาเห็นเจ้านายเขาจำได้ เขาก็เลยให้สตางค์ เขาห่วง กลัวว่าหัวหน้าจะหนาวตาย"

blackfoot%20red%20indian.jpg

พอหลวงพี่ประทีปกลับมาแล้วบอกว่า "เฮ้ย...เล็ก ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่ะ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าใจมีความผูกพันอะไร เอ็งดูนี่ซิ.." แล้วก็เปิดต้นขาให้ดู ท่านสักรูปหัวอินเดียนแดงอยู่ แสดงว่าใจลึก ๆ ของหลวงพี่ประทีปก็ยังโยงถึงเรื่องเดิม ๆ อยู่ แต่ไม่รู้ตัว พอไปถึงโน่นก็ชัดเลย ยิ่งหลวงพ่อวัดท่าซุงยืนยันไว้ด้วยเถียงไม่ออกเลย พระนั่งอยู่ตั้ง ๔-๕ รูป พวกนั้นให้อยู่คนเดียวจริง ๆ เป็นอย่างไร..? เจอหัวหน้าอินเดียนแดงเข้าแล้ว

นั่นก็ลักษณะเดียวกัน คนเราที่เกิดมาในโลกนี้ ได้พบได้เจอกัน ในอดีตไม่เคยมีความสัมพันธ์กันมานั้นไม่มีหรอก อย่างน้อย ๆ ก็ต้องมีไม่ฐานะใดก็ฐานะหนึ่ง อาจจะเป็นครอบครัวเดียวกัน อาจจะเป็นลูก เป็นพ่อ เป็นแม่ เป็นพี่ เป็นน้อง เป็นสามี ภรรยา เป็นเพื่อนฝูง เป็นครูบาอาจารย์อะไรกันมา

พวกนั้นอาจจะเป็นเพื่อนที่เรารักมากก็ได้ เคยสนิทกันมาก่อนในอดีต มาชาตินี้ถึงเวลาเจอเพื่อนก็อยากจะช่วย เขาเองก็ไม่รู้ตัว แต่ว่าความสัมพันธ์จะทำให้เหมือนกับดึงดูดกันเข้ามา เดี๋ยวพอไปแล้วก็จะเจอพวกอื่นอีก ยิ่งสถานที่ ๆ เป็นถิ่นเก่าให้ระวัง ๆ เอาไว้นิดหนึ่ง สถานที่เก่าที่ไหนก็ตามคนที่รักเรามีอยู่ อย่าลืมว่าคนที่เกลียดเราก็มีอยู่

เพราะฉะนั้น..ถ้าไปอยู่ก็อย่าประมาท ต้องตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติในทาน ศีล ภาวนา โดยเฉพาะภาวนารักษาอารมณ์ให้ทรงตัวไว้เสมอ ถึงเวลาอะไรจะเกิดขึ้นพรรคพวกเขาจะได้บอกเราได้

สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ

ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๕

ขอบคุณที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?p=73519#post73519

Link to comment
Share on other sites

"เฉินหลง" เตรียมยกมรดกให้การกุศล ย้ำลูกชายต้องหาเงินเอง

Image.aspx?ID=1862552

ระหว่างร่วมงานการกุศลแห่งหนึ่งที่ปักกิ่งเมื่อสัปดาห์ก่อน ดาราแอ็กชั่นชื่อดังชาวฮ่องกง "เฉินหลง" เปิดเผยว่าเขามีแผนการจะยกมรดกทั้งหมดให้กับการกุศลเมื่อตนเองจากโลกไปแล้ว โดยที่อาจจะไม่เหลือเงินแม้แต่สตางค์แดงเดียว ให้กับ "เจซี ชาน" ลูกชายของเขาเลยก็ได้

เฉินหลง ที่ครั้งหนึ่งได้เคยแสดงเจตจำนงว่าจะมอบทรัพย์สินส่วนตัวครึ่งหนึ่ง ให้กับมูลนิธิการกุศลหากตนเองได้จากโลกนี้ไปแล้ว ได้กล่าวเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า เขากำลังจะตัดสินใจมอบมรดกของตัวเองทั้งหมดให้กับการกุศลไปเลย และลูกชายก็ต้องก่อร่างสร้างตัวด้วยลำแข้งของตัวเอง

"ถ้าเขา (เจซี ชาน ลูกชายของเฉินหลง) มีความสามารถเพียงพอ ก็จะหาเงินของตัวเองได้" เฉินหลงกล่าว "แต่ถ้าไร้ความสามารถ ก็จะมีแต่ผลาญเงินของผมจนหมดเท่านั้น"

ซึ่งแม้ เจซี ชาน ได้กลายเป็นนักแสดงผู้ประสบความสำเร็จในวงการบันเทิงตามรอยพ่อไปแล้ว แต่ดูเหมือนว่า เฉินหลง ยังไม่ค่อยจะพอใจในตัวลูกชายคนนี้ซักเท่าไหร่นัก … "ผมรู้สึกเสียดายเหมือนกัน ที่ในอดีตไม่ได้ส่งเขาเข้าโรงเรียนทหาร เพื่อจะได้มีประสบการณ์ และความเข้มแข็งมากกว่านี้" นักแสดงวัย 56 ปีกล่าว

เฉินหลง ยังพูดถึงข่าวลือเรื่องการเสียชีวิตของเขา ที่แพร่กระจายไปในโลกอินเตอร์เน็ตเมื่อสัปดาห์ก่อนด้วยว่า "ผมยังไม่ตายครับ แต่งานยุ่งมาก อาจจะทำงานหนักจนตายไปเลยก็ได้" นักแสดงบู๊ขวัญใจชาวฮ่องกงกล่าว "หวังว่าสื่อจะรายงานข่าวเกี่ยวกับการทำงานการกุศล เพื่อสาธารณะประโยชน์ มากกว่าจะเป็นข่าวกอสซิปต่าง ๆ แบบนี้ มันมีคุณค่าแตกต่างกันมาก"

"แม้แต่ วิล สมิท ยังโดนหลอกด้วยข่าวลือพวกนี้ และเขาถึงกับแสดงความเสียใจกับการตายของผมผ่านอินเตอร์เน็ตเลยนะ" เฉินหลง เล่า

ขณะที่ฝ่าย เจซี ชาน ที่อยู่ร่วมในงานวันนั้นด้วย ก็บอกว่าข่าวลือที่เกิดขึ้น ถึงกับทำให้เขาต้องรีบโทรศัพท์ไปเช็คว่าพ่อไม่ได้เป็นอะไรขึ้นมาจริง ๆ … "พ่อถึงกับเอ็ดผมเอาเลยครับว่า 'อยากให้พ่อตายจริง ๆ เหรอ' ตอนนั้นแหละผมถึงรู้ว่าข่าวนี่มันมั่วแน่ ๆ"

Image.aspx?ID=1862553

Image.aspx?ID=1862554

ขออนุโมทนากับเฮียเฉินด้วยค่ะ แต่เหลือไว้ให้ตี๋น้อยบ้างก็คงจะไม่เป็นไรมั้งฮ่ะ :rolleyes:

Link to comment
Share on other sites

แม้กรทั่งจระเข้....ก็ยังรักลูก...

rl5bdygj.jpg

ภาพเด็ด : นกกระสาใจกล้า คาบลูกจระเข้ไปต่อหน้าแม่ของมัน

Mthai news: นางคลอเดีย คูเอนเคล ช่างภาพจากรัฐฟลอริดา วัย 46 ปี สามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ไม่น่าเชื่อ เมื่อ นกกระสาผู้หิวโหย โฉบคาบลูกจระเข้ยาวเพียง 6 นิ้วไปต่อหน้าแม่ของมัน ซึ่งทันทีที่เห็นลูกน้อยตกเป็นเหยื่อของนกกระสา แม่จระเข้จึงเลื้อยวิ่งไล่อย่างรวดเร็วด้วยความโกรธ สร้างความตกใจให้ผู้ล่า จนนกกระสาต้องทิ้งลูกจระเข้ไว้บนพื้นหญ้า จนลูกจระเข้ปลอดภัย

คลอ เดียกล่าวว่า ขณะนั้นเธอยืนอยู่ห่างจากจระเข้ประมาณ 90 ฟุต จึงมั่นใจว่าเธออยู่ในระยะปลอดภัย เธอไม่คิดเลยว่านกกระสาจะกล้าฉกเอาลูกจรเข้ไปเป็นเหยื่อ เพราะไม่เคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน แต่ที่แน่ๆคือ มันใจกล้ามาก ที่เสี่ยงคาบเอาลูกจระเข้มาเป็นเหยื่อ และถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่น่าประทับใจ ที่ผู้เป็นแม่จะปกป้องลูกของมัน

daoo5vog.jpg

นกกระสาผู้หิวโหย โฉบคาบลูกจระเข้ยาวเพียง 6 นิ้วไปต่อหน้าแม่ของมัน

3f3gfvja.jpg

แม่จระเข้จึงเลื้อยวิ่งไล่อย่างรวดเร็วด้วยความโกรธ

detrjp3w.jpg

สร้างความตกใจให้ผู้ล่า จนนกกระสาต้องทิ้งลูกจระเข้ไว้บนพื้นหญ้า

jkjv5hfl.jpg

แม่ของมันรีบเข้ามาปกป้ิอง ไม่ให้เป็นเหยื่อของนกกระสาอีกต่อไป

Link to comment
Share on other sites

tbo11.jpg

" ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นถึงตัว " จาก หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด

โลกทุกวันนี้ยุ่งยาก ก็เพราะมนุษย์ที่อวดตนหรือยกตนเป็นผู้ใหญ่ยังติดเสียง

มนุษย์ที่อวดตนว่าเป็นผู้ดีเรียนรู้มากยังไม่มีจรรยาในการ " พิจารณาตน "

ถ้าสัตว์โลกอยู่กันอย่างไม่ยึดตน ไม่ยึดเสียง ไม่ยึดอุปาทาน ถ้าละทิ้งได้ ไม่ยึดสิ่งใดเลย โลกนี้ย่อมสงบ

ท่านต้องเข้าใจว่า " การให้ทุกข์เขานั้น ทุกข์นั้นถึงตัวท่านเองแน่นอน " นี่เป็นหลักความจริง

สมัยเมื่ออาตมามีสังขารอยู่ปัตตานี ในระยะเริ่มแรกสร้างวัดช้างให้

มีแขกมาลายูคนหนึ่งมาบวชอยู่ในวัดของอาตมา แขกมาลายูคนนี้ไม่รู้จักภาษาสยาม รู้แต่ภาษามาลายู

ทีนี้เมื่อรู้แต่ภาษามาลายู จะสอนให้สวดมนต์ก็ดีจะสอนการอ่านก็ดี ย่อมทำไม่ได้

อาตมาจึงบอกเขาว่า ถ้าเช่นนั้นก็ไม่ต้องสวดมนต์ละ ท่องเพียงสองคำก็พอคือ " ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นถึงตัว "

แขกคนนั้นอยู่ในปกครองของอาตมา ตื่นเช้าขึ้นมาก็ออกบิณฑบาตตามปรกติ กลับมาก็นั่งท่องแต่คำว่า

" ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นถึงตัว " " ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นถึงตัว "

มีแขกมาลายูด้วยกันเป็นพวกเลี้ยงแพะ เลี้ยงแกะ มาเที่ยววัด บอกว่าพระองค์นี้มันพูดอะไรของมันไม่ทราบ

ท่องแต่ ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นถึงตัว " " ให้ทุกข์เขาทุกข์นั้นถึงตัว "

แขกคนนี้ไม่นับถือศาสนาพุทธ แต่รู้ภาษาไทยดี ก็บอกว่าไม่จริง" ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นไม่ถึงตัวหรอก "

จึงตั้งใจจะพิสูจน์คำว่า " ให้ทุกข์เขาทุกข์นั้นถึงตัว " จริงหรือไม่

วันหนึ่งได้ไปทำโรตีแบบที่ทางปักษ์ใต้เขาชอบกินกันสมัยนั้น

คือโรตีแบบแขก แล้วก็ใส่ยาพิษลงไปด้วยนำไปใส่บาตร

พระมาลายูที่ท่อง " ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นถึงตัว " บังเอิญเจ้ากรรมวันนั้นพระมาลายูองค์นี้

บิณฑบาตรได้อาหารมามาก แล้วก็ฉันท์อิ่มจึงนำโรตีสองชิ้นที่แขกนั้นใส่บาตรไปเก็บเอาไว้

ส่วนคนที่ต้องการพิสูจน์คำว่า " ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นไม่ถึงตัวหรอก " มีลูกอยู่สองคน พอเที่ยงก็หิ้วข้าวมาให้พ่อ

ซึ่งเลี้ยงวัวอยู่ในแถบวัดนั้นกิน แถวนั้นมันเป็นโคกโพธิ์ ด้านขวามีกุฏิน้อย ๆ

เด็กทั้งสองเที่ยวไปถึงกุฏิของพระที่ท่อง " ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นถึงตัว "

พระองค์นี้เห็นว่าเด็กทั้งสองคนนี้น่ารัก บัดนี้มันเลยเพลแล้ว โรตีที่เก็บไว้ก็จะเสียเปล่า

จึงนำเอาโรตี ๒ แผ่น ที่พ่อเด็กเขาใส่ยาพิษที่จะให้พระนี้ฉัน ให้เด็กสองคนนั้นกิน

เด็กสองคนนั้นกินแล้วกลับไปถึงบ้านก็ป่วยทันที ครั้นใกล้จะตายพ่อถามว่า

" เมื่อเจ้าเอาข้าวไปส่งให้พ่อน่ะ เจ้าไปกินอะไรหรือเปล่า "

ลูกทั้งสองบอกว่า ไปที่กุฏิพระองค์หนึ่งที่เป็นชาวมาลายูด้วยกันเห็นท่องแต่ " ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นถึงตัว "

เห็นว่าแปลกไม่รู้ว่าเป็นอะไรท่องแต่คำคำนี้คำเดียว พระนั้นสงสารลูกได้ให้โรตีสองอันกิน

ในที่สุดผลแห่งการพิสูจน์ว่า " ให้ทุกข์เขา ทุกข์นั้นถึงตัว " ก็ปรากฏขึ้น

เขาต้องการฆ่าพระองค์นั้น แต่กลับกลายเป็นฆ่าลูกสุดที่รักของเขาเอง

เพราะฉะนั้นเราไม่ต้องกลัว เรามีความบริสุทธิ์ เรามีความเที่ยงธรรม เรามีหลักขันติสัจจะ บริสุทธิ์ เมตตา

คุณธรรมเหล่านี้จะรักษาเราให้ปลอดภัยทุกอย่าง

ทีนี้การเป็นคน ท่านยึดเสียงหรือไม่ ท่านยึดคำพูดดีหรือไม่ ท่านยึดคำพูดเลวหรือไม่

ถ้าท่านยึดสิ่งเหล่านี้แล้ว ท่านจะเป็นนักพรตที่ดีไม่ได้ ท่านจะเป็นนักบุญที่ดีไม่ได้

ท่านจะเป็นนักปกครองคนที่ดีไม่ได้ มนุษย์เราถ้ายังติดเสียง ติดคำชมและด่า

มนุษย์นั้นยังมีใจไม่ถึงธรรม " สัจธรรมเป็นธรรมอันประเสริฐ " เป็นสิ่งที่แน่แท้ ทำไมสำนักปู่สวรรค์จึงยึดจุดนี้

ก็เพราะว่าความจริงย่อมเป็นความจริง สิ่งที่เลวก็เป็นความจริงแห่งความเลว สิ่งดีก็เป็นความจริงของความดี

ที่จะกล่าวต่อไปในยุคต่าง ๆ ของมันเอง โดยไม่มีอะไรแปรเปลี่ยนไปได้

มันเป็นธรรมชาติโลกียะและโลกุตระมันเดินของมันเอง

เราจะชนะความเลวด้วยความดี เราต้องมีอุเบกขา หมายถึงคิดว่าสิ่งนี้เราต้องทำ ไม่ใช่ทำเพื่อชื่อ ความมีอำนาจ

เมื่อท่านทำใจได้เช่นนี้ท่านก็จะเป็นคนที่ดีได้ และจะเป็นนักเสียสละที่ดีได้ด้วย

ทีนี้การที่เราจะให้คนอื่นเหมือนเราหมดย่อมไม่ได้

มนุษย์ต่างคนต่างเกิดมาในโลกนี้มีกรรมวิบากของตนไม่เหมือนกัน

เมื่อมีกรรมวิบากของตนไม่เหมือนกัน มนุษย์ผู้นั้นอยู่ในสิ่งแวดล้อมไม่เหมือนกัน มีคุณธรรมไม่เท่ากัน

เราจะเอาใจของเราเป็นสรณะว่าที่เราทำนี้ถูก ทุกคนจะต้องว่าถูกเหมือนเราไม่ได้

ท่านเข้าใจคำว่า " นานาจิตตัง " หรือ " นานา มโน " หรือไม่ คือแต่ละคนมีความคิดของตนเป็นหลัก

เราจะทำอะไรควรต้องมีความสุขุมรอบคอบ เราต้องคิดถึงคนอื่นว่าทุกคนไม่เก่งเหมือนเราทุกคนไม่เหมือนเรา

ดังนั้นจำเป็นต้องมีอภัยทานเป็นสรณะ

ถ้ามนุษย์เราไม่มีการให้อภัยเป็นหลัก เมื่อมนุษย์ผู้นั้นตายไปก็จะมีแต่กิเลสตัณหาแห่งความยึดมั่นในตน

จะมีแต่ความพยาบาทอาฆาตจองเวร เมื่อจิตใจไม่บริสุทธิ์ย่อมเป็นทางนำไปสู่อบายภูมิ

นี่คือหลักความจริงของโลกวิณญาณ

เพราะฉะนั้น อาตมาจึงไม่อยากจะเทศน์อะไรมาก

เพียงแต่ขอให้เข้าใจว่า จงมีขันติ สัจจะ บริสุทธิ์ เมตตา จงมั่นอยู่ในคุณธรรมทุก ๆ ประการ

อย่าติดเสียงไม่ว่าเสียงดีหรือเสียงไม่ดี อันตรายใด ๆ จะทำอะไรท่านไม่ได้เลย

ธรรมะจาก หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด

http://wijunlo.blogspot.com/2010/04/blog-post_22.html

Edited by simply_oriental
Link to comment
Share on other sites

เรื่องราวของชายคนหนึ่ง...กับ...ภรรยา 4 คน

1205649_5260277.jpg

ชายคนหนึ่งมีภรรยา อยู่ 4 คน

ภรรยาคนที่ 1 เขารักที่สุด ไปไหนมาไหนด้วยกัน ตามใจตลอดอยากได้อะไร

เขาหาให้ทุกอย่าง

ภรรยาคนที่ 2 เขารักมาก เขาจะทำทุกสิ่ง

ทุกอย่างเพื่อภรรยาคนนี้

และจะไปหาภรรยาคนนี้เสมอ

ภรรยาคนที่ 3 เขารักรองลงมา ดูแลเอาใจใส่พอควร แวะไปหาบางเป็นครั้งคราว

ภรรยาคนที่ 4 เขาไม่เคยสนใจ ไม่เคยดูแลเอาใจใส่ ไม่เคยไปหา ไม่คิดถึงเลย ด้วยซ้ำ

ต่อมาชาย คนนี้ไปกระทำความผิดร้ายแรง

และถูกจับ ต้องถูกประหารชีวิต ก่อนที่จะถูกประหาร เขาขอร้องว่า เขาขอกลับบ้าน

เพื่อไปร่ำลาภรรยาสุดที่รักซักครั้ง

ผู้คุมเห็นใจจึงอนุญาต

เมื่อกลับมาถึงบ้าน เขารีบตรงไปหาภรรยาคนที่ 1

เล่าเหตุการณ์ต่างๆ ให้ฟัง

และถามภรรยา คน ที่ 1 ว่า

" ถ้าเขาต้องตายภรรยาคนที่ 1 จะทำอย่าง ไร? "

ภรรยาคนที่ 1 ตอบน้ำเสียงที่เย็นชาว่า

“ถ้าเธอตาย เราก็จบกันâ€

คำตอบที่ได้รับ

เหมือนสายฟ้าที่ผ่าเปรี้ยง!! ลงมาที่เขาอย่างจัง

เขารู้สึกเจ็บปวด และเสียใจเป็นอย่างยิ่ง

นึกเสียดาย ว่าเขาไม่ควรทุ่มเทให้ภรรยาคนนี้เลย

จากนั้นเขาก็ ไปหา ภรรยาคนที่ 2

ด้วยอาการเศร้าโศก เล่า เรื่องราวต่างๆ ให้ ฟัง

และถามคำถามเดิมกับภรรยาคนที่ 2 ว่า

" ถ้าเขาต้องตาย ภรรยาคน ที่ 2 จะทำอย่างไร? "

ภรรยาคนที่ 2 ก็ ตอบอย่างหน้าตาเฉย ว่า

" ถ้าเธอตาย ฉันจะมีใหม่ "

เหมือนสายฟ้า!! ผ่าลงมาซ้ำที่เขา อย่างจัง

เขารู้สึกเสียใจมาก และนึกเสียดายว่าที่ผ่านมา

เขาไม่ควร ทุ่มเทให้ภรรยาคนนี้เช่นกัน

เขาเดินคอตกมาหาภรรยาคนที่ 3

เล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ ฟัง

และถาม ภรรยา คนที่ 3 ว่า

"ถ้าเขาต้องตาย ภรรยาคน ที่ 3 จะทำอย่างไร? "

ภรรยาคนที่ 3 ตอบว่า

"ถ้าเธอตาย ฉันจะไปส่ง "

ทำให้เขาคลายความ เศร้าโศกขึ้นมาได้บ้าง

อย่างน้อยก็ ยังมีภรรยาที่จริงใจกับเขา

ก่อนกลับไปรับโทษ

เขานึกขึ้นมาได้ว่ามีภรรยาอีกคน ซึ่งไม่เคยไปหาเลย จึงไปหา ภรรยาคนที่ 4 และถามว่า

" ถ้าเขาต้องตาย ภรรยาคนที่ 4 จะทำอย่าง ไร?"

ภรรยาคนที่ 4 ตอบว่า

" ถ้าเธอตาย ฉันจะตามไป ด้วย "

แทนที่เขาจะดีใจกลับนึกเสียใจหนักขึ้นไปอีก

เพราะ...มัน สายเกินไปเสียแล้ว ช่วงที่เขามีชีวิตอยู่

เขาไม่เคยเห็นค่าของภรรยาคนนี้ แต่ภรรยาคนนี้ไม่คิดที่จะทิ้งเขา จะติดตามเขาไปอยู่ด้วย

แล้วชายคนนี้ก็กลับไปรับโทษประหาร

และเมื่อเขาตาย ภรรยาคนที่ 4 ก็ตายตามไป ด้วย.....

เราทุกคนก็ มีภรรยา 4 คน นี้

มีคำถามว่า ภรรยาทั้ง 4 คนเป็นใคร? คิดกันก่อนนะ แล้วค่อยเฉลย...

ทีนี้เรามาดูกันว่า

ภรรยาคน ที่ 1, 2, 3 และ 4

เป็นใครกันบ้าง

ภรรยาคน ที่ 1

ร่างกายของเรา เพราะเวลาเรามีชีวิตอยู่

เราจะบำรุงบำเรอด้วยของสิ่งทุกอย่าง

อยากได้อะไรก็หาให้

แต่พอเราตายมันกลับไม่ไปกับเรา

เมื่อเราตาย ร่างกายมันก็มีค่าเท่ากับท่อนไม้

ท่อนหนึ่งเท่านั้น

ภรรยาคน ที่ 2

ทรัพย์สมบัติ เพราะเวลาเรามีชีวิตอยู่

เราจะทำทุกอย่าง เพื่อให้ได้มันมา

แต่พอเราตาย มันกลับไม่ไปกับเรา

แต่ไปเป็นของคนอื่น

ภรรยาคนที่ 3

พ่อแม่ ลูกเมีย ญาติ พี่น้อง เพราะพอเราตาย

เขาจะทำศพให้เรา ทำบุญไปให้

แปลว่า เขาแค่ไปส่งเราเท่านั้น

ภรรยาคนที่ 4

บุญกับบาป เมื่อเราตายไป

เราไม่สามารถเอาอะไรไปด้วยได้

มีเพียงแค่บุญกับบาปเท่านั้น

ที่จะตามเราไป .....

เห็นไหมว่าเงินไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับชีวิต

แต่เดี๋ยวก่อนอย่าพึ่งคิดว่าเงินไม่สำคัญ

สำคัญ … แต่

ไม่สำคัญที่สุดเท่านั้นเอง

อย่าลืม…ยังมีเรื่องอื่น

ที่สำคัญกว่าเงินอีกเยอะ

527415-topic-ix-4.jpg

ขอบคุณที่มา : http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=4&t=25793

Link to comment
Share on other sites

ความรักของแม่ ถึงแม้ว่าลูก...

images?q=tbn:ANd9GcQ5ixrJ4A1vczQLG_7K4aZdKm4FR-T-uCc0i0ByU5-2rxf0kTPcQQ

แม่ผู้แก่เฒ่าเดินไม่ได้คนหนึ่ง เป็นที่รำคาญใจของลูกชาย เหลือเกิน ...

สมัยนั้นยังไม่มีสถานสงเคราะห์คนชรา จึงไม่รู้ว่าจะเอาแม่ไปฝากใครให้เลี้ยงแทน ...

ชายหนุ่มจึงตัดสินใจแบกเอาไปปล่อยป่าให้อยู่ตามยถากรรม ...

ระหว่างทาง แม่ไม่วอนขอ... ไม่ถาม... ไม่ว่าอะไร...

ตั้งใจหักกิ่งไม้ตามทาง เรื่อยไป เข้าป่าลึก

ไกลมากแล้ว.....ลูกชายวางแม่ลงบนโขดหิน แล้วหันหลังเดินกลับทางเดิมไป ...

... ตอนนี้เอง ที่แม่ตะโกนตามหลังลูกชายไปว่า ...

"ลูกเอ๋ย เดินตามรอยกิ่งไม้ที่แม่หักไว้ให้นะ จะได้ไม่หลงทาง..."

Link to comment
Share on other sites

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

Guest
Reply to this topic...

×   Pasted as rich text.   Paste as plain text instead

  Only 75 emoji are allowed.

×   Your link has been automatically embedded.   Display as a link instead

×   Your previous content has been restored.   Clear editor

×   You cannot paste images directly. Upload or insert images from URL.

 Share


×
×
  • Create New...