Jump to content

** รวมเรื่องของบุญ บอกข่าวบุญ อานิสงส์ น&#3636


simply_oriental
 Share

Recommended Posts

จำได้ เมื่อตอนเป็นเด็กพ่อเคยบอกว่า เด็กทุกคนจะมีเทวดาประจำตัวที่คอยปกปักษ์รักษา ปกป้อง คุ้มครอง โดยเฉพาะเวลานอนหลับ เทวดาอารักษ์จะมาวนเวียนอยู่ใกล้คอยคุ้มครองเพราะเราไม่รู้สึกตัว และจะคอยอารักษ์ขาจนเราตื่นนอนเทวดาอารักษ์ก็จะกลับไปสวรรค์ แต่ถ้าเด็กคนไหนตื่นสายเทวดาอารักษ์จะไม่ชอบเพราะจะทำให้ท่านกลับขึ้นสวรรค์สาย และร้อนแดด และจะบัลดาลให้เด็กคนนั้นเจ็บป่วย เราฟังไปก็รู้ว่าเป็นกุศโลบายของพ่อที่เอือมระอาลูกสาวตื่นสายอายเพื่อนบ้าน :D แต่ก็เชื่อเพราะเห็นว่าน่ารักดี (และชื่นชมในความพยายามของพ่อ) แล้วพอตื่นสายบ่อย ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยสบาย หรือกระปรี้กระเป่าจริง ๆ ไม่เหมือนกับเวลาตื่นเช้า ...และคิดว่าเป็น logic นิดนิดด้วย เพราะเมื่อปีที่แล้วไปไม่สบายไปหาหมอ หมอบอกเป็นภูมิแพ้ ให้ตื่นแต่เช้ามาเพื่อให้ร่างกายได้รับแสงแดดช่วงเช้า (หมอรู้ได้ไงว่าเราตื่นสาย หรือว่าพ่อแอบไปบอกหมอตั้งแต่เมื่อใด ฮา )

เป็นเรื่องจริงนำมาเล่า เพราะเห็นว่ารื่นรมย์ สุนทรีย์ดี ไม่เกี่ยวกับการบอกบุญ แต่จะบอกบุญหน่อย ๆ ก็ได้ว่า สุดสัปดาห์ที่ 8-10 ก.ค เราจะไปปฏิบัติธรรมที่ร่มอารามสถาน จังหวัดปทุมฯ

Edited by bigKus
Link to comment
Share on other sites

  • Replies 54
  • Created
  • Last Reply

Top Posters In This Topic

Thanks ka K.Kus ^_^ อนุโมทนาบุญด้วยค่ะกับการไปปฏิบัติธรรม มาเล่าเรื่องที่ดีๆ ก็เป็นบุญอย่างหนึ่งค่ะ ไปปฏิบัติธรรมกลับมาเล่าให้ฟังด้วยนะค่ะ อยากฟังมากค่ะ เรื่องแบบนี้ชอบค่ะ เพราะเจนก็ปฏิบัิติอยู่ แบบตายเป็นตาย

เจนตั้งจิตอธิษฐานไว้ตั้งแต่วันวิสาขบูชา ว่าจะขอปฏิบัติบูชาต่อพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยะสงฆ์ ต่อพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ รวม 49 วัน วันละ 1 ชั่วโมง เมื่อวานเป็นวันที่ 43 ใกล้จะครบแล้ว มันสุดยอดเลยนะค่ะความยากบ้าง ความเจ็บปวด ความขี้เกียจนี่ เป็นกิเลสที่พยายามไม่ยอมให้เราทำ แต่ตั้งใจไว้แล้ว ใกล้จะถึงจุดหมายแล้ว ดีใจ แต่ดีใจก็ไม่ได้ ดีใจ เสียใจ โกรธ ชอบ รัก เกลียด อารมณ์เหล่านี้ ครูบาอาจารย์บอกว่า ต้องวางให้เร็ว ต้องรู้ให้เร็ว รู้แล้ววาง รู้แล้วนิ่ง อยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด คือให้ดูลมหายใจ ตลอด 24 ชั่วโมง มันก็มีแว๊บบ้างค่ะ แต่ไม่บ่อย พยายามทำใจให้นิ่งเหมือนน้ำที่โดนหินกระทบ มันจะกระเพื่อมฉันท์ใด พอมีอะไรมากระทบจิตเรามันก็จะเป็นดังน้ำที่หินมากระทบฉันนั้น ก็ยังเพียรพยายามอยู่ ยิ่งคนเราทำงาน เจอผู้คนมากมาย นี่เป็นโจกท์ของการปฏิบัติธรรมที่ดีที่สุดค่ะ เจนขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ

เรื่องเทวดานี่ ที่คุณพ่อเล่า น่าจะเป็น trick นิดหน่อย ท่านเป็นคุณพ่อที่น่ารักมากค่ะ ^_^ เทวดาที่ปกป้องเราท่านจะวนเวียนกันมา เปลี่ยนทุกปี ได้อ่านมา ได้รู้มา ได้คุยกับครูบาอาจารย์มา ท่านว่าอย่างนั้น ถ้าท่านอยู่กับเราท่านจะปกป้องเราเสมอ ตรงนี้รู้ได้เองเพราะเคยเกิดเรื่องมาหลายรอบแล้วค่ะ

มีครั้งหนึ่งตอนนั้นดวงตกมาก เครียดมา กำธูปไปห่อหนึ่ง จุดหมดเลย วิ่งขึ้นห้องพระ ไปว่าท่านค่ะว่า ถ้าจะอยู่ก็ต้องช่วยกันหน่อยนะเจ้าค่ะ (จริงๆ แล้วข้อความนั้นคือ ช่วยทำมาหากินหน่อยค๊า) ไม่งั้นจะขอเปลี่ยนองค์ใหม่มาแทนด้วยนะ เรารู้ว่าท่านอยู่ เสมือนท่านเป็นเพื่อนเรา เป็นผู้ใหญ่ที่คอยปกป้องเรา ท่านก็ต้องช่วยเรา ตอนนั้นคิดได้แค่นั้น แต่บางทีก็ใช้ได้ผลนะ มีครูบาอาจารย์ ตอนนั้นท่านไปเดินจงกลมที่ป่าแห่งหนึ่งรู้สึกแถวนั้นต้นไม้เยอะชุ่มชื้น ทีนี้ฝนก็ตกเป็นประจำ ท่านก็ตะโกนว่า " ไอ้ห่................ทีแถวที่เขาอยากได้ ดันไม่ตก โน่นไปตกแถวอีสานโน่น กูไม่อยากได้ดันเสื..กตกอยู่ได้ " ไม่รู้ว่าเทวดาสะดุ้งหรือเปล่า แต่วันฝนก็หยุดตกจริงๆ นี่ท่านเล่ามาให้ฟัง

Edited by simply_oriental
Link to comment
Share on other sites

มีคำคมสั้นๆมาฝากค่ะ ชอบมากและก็ทำอยู่จากท่านพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธีค่ะ

ถ้าใจเราโกรธปุ๊บ เอาสติไปดูใจ พอเอาสติไปดูใจ ความโกรธก็หายไป เพราะใจของเรานั้นรับอารมณ์ได้ทีละเรื่อง สติอยู่ตรงไหนความโกรธก็หายไป ณ ตรงนั้น นี่เป็นวิธีปฏิบัติที่ลัดสั้นที่สุด ทำที่นี่ เดี๋ยวนี้ ได้ผลทันที

Link to comment
Share on other sites

วิธีการอธิษฐานก่อนนอน เพื่อตัดกรรมตนเอง

อธิษฐานหน้าพระพุทธรูป หรือสวดก่อนนอนก็ได้

(นะโม 3 จบ) “ สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต

อุกาสะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง

สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต

อุกาสะ ขะมามิ ภันเต “

หากข้าพเจ้า จงใจหรือประมาทพลาดพลั้งล่วงเกิน บิดา-มารดา

ครูบาอาจารย์พระพุทธ พระธรรม

พระอรหันต์ทุกพระองค์ พระอริยสงฆ์เจ้า ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย

รวมถึงผู้มีพระคุณ และท่านเจ้ากรรมนายเวร จะด้วย กายวาจา ใจ ก็ดี

ขอได้โปรดอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าด้วย

หากข้าพเจ้ามีเจ้าของในตัวติดตามมาขออนุญาตมีคู่

มีครอบครัวได้เหมือนคนปกติทั่วไป

ขอถอนคำอธิษฐานคำสาบานที่จะติดตามคู่ในอดีต

ขอให้ต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระต่อกัน

ข้าพเจ้าจะประพฤติตนในทางที่ถูกที่ชอบที่ควร

ขอบุญบารมีในอดีตกาลที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน

จงส่งผลให้ข้าพเจ้าและครอบครัวตลอดจนบริวารที่เกี่ยวข้องจงเจริญด้วย

อายุ วรรณะ สุขะ พละลาภ ยศ สุข สรรเสริญ สติปัญญา ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ

อุปสรรคใดๆ โรคภัยใดๆ ขอให้มลายสิ้นไป ขอให้ข้าพเจ้ามีความสว่างทั้งทางโลก

ทางธรรมตั้งแต่บัดนี้ตราบเข้าสู่พระนิพพานเทอญ

หากมีผู้ใดเคยสร้างเวรสร้างกรรมกับข้าพเจ้า

ไม่ว่าจะชาติใดภพใดก็ตาม ข้าพเจ้ายินดีอโหสิกรรมให้ ขอถอนความพยาบาท

ความอาฆาตและคำสาปแช่งในทุกชาติ ทุกภพ

ขอให้ข้าพเจ้าพ้นจากคำสาปแช่งของปวงชนของเจ้ากรรมนายเวร

ขอให้พ้นนรกภูมิ พบแสงสว่างทั้งทางโลก ทางธรรม เทอญ …

Link to comment
Share on other sites

คนขายสุนัข และ ลูกสุนัข 7 ตัว

มีร้านค้าแห่งหนึ่ง ติดประกาศขายลูกสุนัข7 ตัว

เมื่อรู้ข่าว ก็มีเด็กๆ แวะเวียนเข้ามาเล่น มาชมลูกสุนัขทุกวัน

แต่ก็ยังไม่มีใครตกลงใจซื้อ

เพราะเป็นสุนัขพันธุ์ดี มีราคาค่อนข้างแพง

วันหนึ่ง ขณะที่เจ้าของร้านกำลังยุ่งอยู่กับการขายของอื่นๆ ให้แก่ลูกค้าในร้าน

เด็กชายหน้าตาน่าเอ็นดูคนหนึ่ง ก็มากระตุกชายเสื้อเขา

เขาก้มลงมอง และถามว่ามีอะไรให้ช่วยหรือไม่

เพื่อนของผมบอกว่า ที่ร้านของคุณอามีลูกหมาขาย

ผมอยากเลี้ยงลูกหมาสักตัว

พ่อแม่ก็อนุญาตแล้ว

ขอผมดูลูกหมาของคุณอาหน่อยได้ไหมครับ?

เด็กบอกอย่างสุภาพ

อ๋อ ได้สิหนู พวกมันกำลังนอนเล่นอยู่ หลังร้านน่ะ

เจ้าของร้านกล่าวอย่างยินดี

แล้วผิวปากเรียกสุนักทั้งเจ็ดออกมา

เด็กชายยิ้มร่าเมื่อเห็นลูกสุนัขวิ่งตุ้ยนุ้ยออกมา ทีละตัว

เขานับ...แต่ก็มีแค่หกตัวเท่านั้น

ไหนว่ามีเจ็ดตัว มีคนซื้อไปตัวหนึ่งแล้วหรือครับ?

เด็กชายถาม

เจ้าของร้านตอบว่า

อ๋อ เปล่าหรอกหนู ยังไม่มีใครซื้อไปเลยสักตัว

เพียงแต่ตัวสุดท้ายขาหลังเขาไม่ดี

มันก็เลยต้องคลานออกมา วิ่งมาพร้อมกับพี่ๆ ของมันไม่ได้

สิ้นคำเจ้าของร้าน

ลูกสุนัขตัวที่เจ็ดก็คลานออกมา

ขาหลังทั้งคู่ของมันลีบเหลือนิดเดียว

มันต้องใช้ขาหน้าลากพาร่างกายออกมาจากหลังร้าน

ลูกสุนัขมองมาทางเด็กชายแล้วครางงี้ดๆ

เห็นได้ชัดว่า มันพยายามคลานมาหาเขา

หางของมันกระดิกดุ๊กด ิ๊กๆ อยู่ตลอดเวลา

มันคลานเข้าไปเลียรองเท้าของเด็กชาย

ท่าทางจะชอบเขามาก

เด็กชายหัวเราะแล้วอุ้มมันขึ้นมา ก่อนจะถามเจ้าของร้านว่า หมาตัวนี้ราคาเท่าไรครับ?

ปกติ อาบอกขายอยู่ตัวละสองพันบาทนะ

เจ้าของร้านตอบ

เด็กชายนิ่งอึ้งไป ก่อนจะล้วงกระเป๋าหยิบเงินออกมานับ

เขามีเงินอยู่เพียงสี่ร้อยห้าสิบบาทเท่านั้น

ผมมีเงินไม่พอซื้อหมาตัวนี้

เด็กชายพึมพำอย่างเศร้าใจ

เจ้าของร้านรีบบอกทันทีว่า

โอ๊ะ! หนู ถ้าหนูอยากได้หมาตัวนี้ไปก็เอาไปเถอะ

ไม่ต้องจ่ายเงินหรอก อายกให้หนูฟรีๆ ไปเลย

เด็กชายฟังเจ้าของร้านแล้วชะงักไป

ก่อนจะถามกลับไปอย่างไม่พอใจว่า

ทำไมครับ

ทำไมถึงบอกว่าไม่ต้องจ่ายเงินถ้าจะซื้อหมาตัวนี้?

ก็อย่างที่หนูเห็นอย่างไรล่ะ

ลูกหมาตัวนี้มันติดมาพร้อมๆ พี่ๆ น้องๆ ของมัน

และอาก็ไม่คิดว่าจะขายมันอยู่แล้ว

เพราะมันพิการ วิ่งก็ไม่ได้ กระโดดก็ไม่ได้

ความจริง อาไม่อยากให้หนูได้ของมีตำหนิอย่างนี้ไปนะ

ลองดูตัวอื่นดีไหม?

เด็กชายเม้มปากแน่นก่อนจะพูดว่า

คุณอาดูอะไรนี่สิครับ

ว่าแล้วเขาก็ดึงขากางเกงทั้งสองข้างขึ้น

เจ้าของร้านจึงได้เห็นว่า

ขาของเด็กชายคนนี้ เล็กลีบ เช่นเดียวกับขาหลังของลูกสุนัข

แต่ที่ทำให้เขายืนอยู่ได้ ก็เพราะมีขาเทียมช่วยพยุงเอาไว้

คุณอาครับ ขาของผมก็ลีบใช้การอะไรไม่ได้เหมือนกัน

ผมเดินช้ากว่าเพื่อนคนอื่นๆ

วิ่งก็ไม่ได้ กระโดดก็ไม่ได้

อย่างนี้ผมก็เป็นคนไร้คุณค่าหรือเปล่าครับ?

เจ้าของร้านนิ่งอึ้งไป

ความรู้สึกผิดแล่นปราดเข้าสู่หัวใจของเขา

เด็กชายปล่อยขากางเกงลงแล้วพูดต่อว่า

ผมจะซื้อสุนัขตัวนี้ ในราคาสองพันบาท เท่ากับลูกหมาตัวอื่นๆ

แต่ว่าผมมีเงินไม่พอ

ถ้าผมจะอ้อนวอนคุณอา

ขอผ่อนราคาของลูกหมาตัวนี้

เดือนละหนึ่งร้อยบาททุกเดือน จนครบสองพันบาท

คุณอาจะว่าอย่างไรครับ?

เจ้าของร้านน้ำตาไหลริน

ทรุดตัวลงตรงหน้าเด็กชายและกอดเขาไว้ด้วยความประทับใจ

พลางกล่าวขอโทษขอโพย ในสิ่งที่ตนได้ทำผิดพลาดไป

เขาบอกว่าไม่ขัดข้อง

ที่จะให้เด็กชายผ่อนค่าตัวของลูกสุนัขตัวนี้

และกล่าวว่าถ้าสุนัขทุกตัวมีเจ้านายที่จิตใจดีอย่างเด็กชาย

พวกมันก็คงจะมีชีวิตที่เป็นสุขอย่างมาก.

.....................

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

อย่าตัดสินคุณค่า จากรูปลักษณ์ภายนอก

ที่มา : นิทานสีขาว

เล่าโดย ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา

Link to comment
Share on other sites

พี่เจนคนสวย สงสัยเราจะเป็นสหายธรรมกันนะคะ อิๆๆๆ ว่าแล้วมีคำคมมาฝากตามเคย

ว.วชิรเมธี (W.Vajiramedhi)

จิตของเรามีลักษณะพิเศษ จะรับอารมณ์ได้เพียงทีละอย่าง ช่วงไหนที่จิตของเรามีสติตลอดเวลา กิเลสจะไม่มีทางแทรกซึมเข้ามา หากช่วงไหนจิตไม่มีสติ "กิเลส" ไม่ว่าโลภ โกรธ หลง จะเข้าสัมปทานพื้นที่ในใจเราทั้งหมด

Link to comment
Share on other sites

เอามาฝากค่ะ

ความรัก ศรัทธา ปาฏิหาริย์ หนังสั้นยุติความรุนแรงของผู้หญิงเป็นเรื่องราว จากเค้าโครงเรื่องจริง ในโครงการของเสถียรธรรมสถาน ที่นำเสนอความรุนแรงในสังคมที่เริ่มทวีคูณและรุนแรงมากขึ้นในสังคม และพยายามที่จะสื่อให้ผู้ที่ได้รับชมนั้นเกิดความเข้าใจถึงความรุนแรง และ ยุติความรุนแรงในสังคมไม่ว่าจะเด็กหรือผู้หญิงก็ตาม

แสงสุดท้าย กำกับโดย สราวุธ วิเชียรสาร

Link to comment
Share on other sites

กรรมของคนโกหก ( ต่อองค์สมเด์จพระปิยะมหาราช)

เรื่องนี้ผมได้ฟังมาตั้งแต่ผมยังเด็กเป็นเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นมาร่วม 100 ปี สมัยนั้นราวปี พ.ศ 2459 เป็นยุคสมัยของรัชกาลที่ 6 พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มีชายชราวัยราว 60 ปีเศษผมเผ้าขาวโพลน แกชอบนั่งเหม่อลอยอยู่ในศาลาวัดเทพศิรินทราวาส วัดที่รัชกาลที่ 5 พระปิยะมหาราชเป็นผู้ทรงสร้าง แกไม่มีบ้าน ไม่มีลูกเมีย แต่เมื่อดูจากหน่วยก้านชายชราผู้นี้ถือว่าไม่ธรรมดา เพราะเมื่อครั้งวัยหนุ่มแกเป็นทหารมหาดเล็กหลวงของรัชกาลที่ 5 มีหน้าที่เฝ้าเวรยามที่พระราชวังวสวนดุสิต ชายชราเล่าความหลังด้วยแววตาเศร้าสร้อย

ผมไม่ทราบว่าใครเป็นคนสัมภาษแกแต่เรื่องนี้ผมฟังมาจากปู่ของผมถึงที่มาที่ไปทำไมทหารมหาดเล็กหลวงถึงมีสภาพในชีวิตบั้นปลายอย่างนี้.....

ชายชราเล่าให้ฟังว่า เมื่อครั้งสมันหนุ่มแกมีชัวิตที่รุ่งเรือง มีเงินทอง มีหน้าที่การงานที่ดี และมีคนรักที่เกือบจะได้แต่งงานกันอยู่แล้วเชียว แต่...ชีวิตแกต้องเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเพราะ คำโกหก!!! แค่คำโกหกทำให้ชีวิตเปลี่ยนได้เพียงนี้เลยหรือลองฟังเรื่องนี้ดูครับ

คืนนั้นเวลาราวตี 2 ชายชรายามนั้นเป็นทหารเล็กรักษาพระองค์ของรัชกาลที่ 5 ได้เข้าเวรในกะดึก เมื่อถึงเวลาดึกสงัดทหารมหาดเล็กนึกว่าไม่มีใครรู้ใครเห็นเกิดอาการง่วงหาวนอน จึงแกะกัญชาที่แอบห่อไว้มาพันเป็นยาสูบ สูบพ่นควันปุ๋ยๆ เป็นโชคร้ายของทหารมหาดเล็ก ที่ว่ายามนั้นปกติเป็นเวลาบรรทมของรัชการที่ 5 ก็จริง แต่คืนนั้นท่านยังไม่ได้นอน เนื่องจากทรงงานจนดึกดื่น เกิดอาการเมื่อยล้าจึงออกมาเดินเล่นและพระองค์ได้กลิ่นของกัญชาลอยมาจากทางทิศใต้ของพระราชวัง พระองค์จึงเดินตามกลิ่นไปจนพบต้นตอ..

ทหารมหาดเล็กไหวตัวทันรีบเหยียบบุหรี่ยัดไส้กัญชา ยืนตัวตรงประหนึ่งกำลังปฎิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด พระบาทสมเด็จพระปิยมหาราชหรือ ร.5 ท่านถามทหารมหาเล็กว่าเจ้าสูบกัญชาหรือ?

ทหารกลัวความผิดจึงตอบไปว่า "ข้าพเจ้าไม่ได้สูบพระเจ้าข้า"

ร.5 ทรงล้วงกระเป๋าเสื้อราชปะแตนของทหารมหาดเล็ก ก็พบห่อกัญชา!!

พระองค์ไม่ทรงว่ากล่าวใดๆ เพียงตรัสคำเดียวว่า "ริยำ" แล้วหันหลังเดินจากไป............

ชายชราเล่าเรื่องราวด้วยน้ำตานองใบหน้า แกบอกว่าถ้าคืนนั้น...ถ้า..แกไม่โกหก แกยอมรับผิด ชีวิตแกก็คงไม่เป็นแบบนี้ เพราะคำตรัสของผู้มีบารมีอย่างเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินนั้นเป็นวาจาสิทธิ์ หลังจากเหตุการณ์นั้นชีวิตแกก็มีอันเป็นไปต่างๆนาเป็นไปในทางตกต่ำ มีเรื่องมีราวจนต้องออกจากราชการทหาร มาทำมาค้าขายก็ขาดทุนย่อยยับ มีครอบครัวก็แตกแยกทะเลาะทุกวี่ทุกวันหาความสุขไม่ได้ ชีวิตมีแต่ความตกต่ำเลวระยำลงไม่มีที่สิ้นสุด..

elderly-man.jpg

ชายชราปาดน้ำตาอีกครั้ง แกบอกว่า ณ.วันนี้แกสำนึกในบาปกรรมที่แกก่อแล้ว หากแกโกหกกับคนธรรมดาสามัญผลกรรมคงไม่รุนแรงขนาดนี้ แต่การที่แกโกหกกับผู้มีบารมีบุญญาธิการอย่างรัชการที่ 5 แม้พระองค์จะไม่ได้ลงโทษใดๆ แค่เพียงคำตำหนิว่า "ริยำ" ชีวิตของชายชราก็ตกต่ำเลวลงจนเป็นแบบทุกวันนี้

เรื่องนี้ผมอยากเล่าให้ฟังเป็นอุทาหรณ์นะครับ การโกหกเป็นการผิดศีลข้อ มุสาวาทาเวรมนี ทุกวันนี้คนบางคนโกหกจนเกิดความเคยชิน บางคนคิดว่าการโกหกเป็นหนทางเอาตัวรอดในสังคมปัจจุบัน พึงสังวรณ์ไว้เถิดครับ เวรกรรมมีจริงเพียงแต่ความแรงของกรรมต่างกัน ผลของกรรมก็ต่างกันไป เช่นโกหกพ่อแม่ ผลกรรมก็อาจทำให้ขาดความเป็นคนน่าเชื่อถือ ทำงานที่ไหนก็ไม่มีคนเชื่อฝีมือ ลูกน้องรวมทั้งเพื่อนร่วมงานขาดความศรัธทา หรือ ผลกรรมนั้นอาจส่งไปถึงรุ่นลูก เราเคยโกหกพ่อแม่ พ่อแม่ไม่ว่าอะไร แต่เรามีลูกเมื่อไหร่ลูกก็จะกลับมาโกหกเรา เป็นกงกรรมกงเกียวนดังนี้แล...

Link to comment
Share on other sites

นักบาสNBAขอเปลี่ยนชื่อเป็นเมตตา โลกสงบ

attachment.php?attachmentid=1547507&stc=1&d=1309434050

รอน อาร์เทสต์ นักบาสของทีมแอลเอ เลเกอร์สทำเรื่องแปลกๆ เมื่อเขาอยากเปลี่ยนชื่อเป็น เมตตา โลกสงบหรือ Metta World Peace โดยเขาได้ยื่นคำร้องต่อศาลสูงท้องถิ่นแล้วและเตรียมฟังผลในเดือนสิงหาคมนี้

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รอน อาร์เทสต์ นักบาสเกตบอลของทีมแอลเอ เลเกอร์สเกิดมีอาการซึ่งในรสพระธรรมในศาสนาพุทธได้เตรียมที่จะเปลี่ยนชื่อจากภาษาอังกฤษธรรมดาเป็น Metta World Peace หรือ เมตตา โลกสงบ โดยอาร์เทสต์ได้ให้ทนายของเขายื่นเรื่องต่อศาลสูงลอสแองเจลิสโดยอาร์เทสต์ระบุว่าต้องการเปลี่ยนชื่อเพราะเหตุผลส่วนตัวโดยวันที่26ส.ค.นี้จะได้รับฟังผลการพิจารณาของศาล

โดยก่อนหน้านี้อาร์เทสต์เคยคว้าแชมป์NBAกับเลเกอร์สในปี2010 ถือเป็นนักบาสที่มีประพฤติไม่ดีทั้งในและนอกสนามจนถูกจับถูกแบนไปหลายครั้งก่อนที่เขาจะเริ่มกลับใจซึ่งเขาเคยนำแหวนแชมป์NBAไปประมูลขายเพื่อนำรายได้มาให้กับองค์การกุศลด้านสุขภาพอีกด้วย

ขอบคุณที่มา : http://sport.mthai.com/world-sport/39166.html

Comment ดีๆ จาก กระทู้นี้

" อนุโมทนาสาธุขอรับ ขนาดชาวต่างชาติยังซึ้งในรสพระธรรมของพุทธศาสนาเลย แล้วคนไทยเล่าครับ....?"

" คนที่สนใจรับก็ซึ้งทุกคนล่ะครับ...คนที่ไม่สนใจรับก็มืดบอดอยู่อย่างนั้นแหละ..ไกล้เกลือกินด่าง..อยู่ร่ำไป"

" นักบาส คนนี้ไม่ธรรมดา กล้าตัดใจนำแหวนแชมป์NBAไปประมูลขายเพื่อนำรายได้มาให้กับองค์การกุศลด้านสุขภาพ แสดงว่าเริ่มไม่ติดกับตำแหน่งเกียรติยศในโลกทุนนิยมแล้ว "

Link to comment
Share on other sites

ควรปล่อยสัตว์อะไรดี ?

11-40-37-1793901042.gif

ถาม : ดิฉันควรจะปล่อยสัตว์อะไรดีคะ ปล่อยไม่ถูก ?

ตอบ : ปล่อยอะไรก็ได้ โดยเฉพาะสัตว์ที่เขาขายเอาไว้ฆ่า อย่างสัตว์ที่เราเข้าไปในตลาด ถ้าเราไม่ซื้อมาก็ต้องตายแน่ๆ

ถาม : อะไรก็ได้ ?

ตอบ : จ้ะ อย่างอาตมาก็ปล่อยปลาทุกเดือน นี่เพิ่งให้เขาไปปล่อยมา ปล่อยที่ ท่าน้ำวัดเทวราชกุญชร เขาจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลอยู่

ถ้าปล่อย ปลา ให้ฉลาดนิดหนึ่ง ก็คือ อย่าเทปลาพรวดพราดลงไป ปลาเขายังไม่ชินกับน้ำใหม่ ให้เอาน้ำใหม่ค่อยๆ รินลงไปในถุงในถังสักครึ่งหนึ่ง แล้วก็ปล่อยไปสักพัก แล้วค่อยเทปลาลงน้ำไป ถ้าเทปลาลงไปทีเดียว บางตัวจะช็อก เพราะยังไม่ชินกับน้ำใหม่

ถาม : เฉพาะปลาอย่างเดียว ?

ตอบ : จ้ะ ส่วนเต่าปล่อยไว้บนบก อย่าปล่อยเต่าลงน้ำ เพราะเต่าบางประเภทเป็นเต่าบก ว่ายน้ำไม่เป็น โยนลงน้ำไปจะจมน้ำตาย

ถาม : ดูไม่ออก

ตอบ : ถ้าดูไม่ออก ก็ปล่อยบนบกก่อน ถ้าเป็นเต่าน้ำก็จะเดินลงน้ำเอง และ ถ้าใครเลี้ยงเต่าอย่าให้กินแต่ผักบุ้งนะ เต่าเป็นสัตว์กินเนื้อ ปกติก็กินพวกปลา กุ้ง ปู ถ้าหากไม่มีอะไร ก็จะกินซากสัตว์ที่ตาย แต่ทีนี้โบราณดันไปแต่งเพลง "เต่ากินผักบุ้ง" ตั้งแต่นั้นมาคนก็เอาผักบุ้งเลี้ยงเต่า เต่าก็โดนทรมาน ไม่ได้กินอาหารอย่างที่ต้องการสักที

เรื่องการปล่อยชีวิตสัตว์ที่เขาจะโดนฆ่า ถ้าเราปล่อยให้เขารอดไป ก็เป็นการตัดเคราะห์ตัดกรรมของเราด้วย ถ้าช่วงนั้นอุปฆาตกรรมเข้ามา อาจจะทำให้เราต้องถึงแก่ชีวิต ก็จะเป็นการต่ออายุเรา ควรจะทำให้บ่อยๆ สักเดือนละครั้ง ไม่ต้องปล่อยมากหรอก สักตัวสองตัวก็พอ แต่ถ้าทำอย่างอาตมา ไปครั้งหนึ่งก็เหมาหมดทั้งตลาด

สนทนากับพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนเมษายน ๒๕๕๔

อนุโมทนาที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard...?t=2603&page=5

Link to comment
Share on other sites

คำ อังกฤษบางคำ มันมีที่มา...

Do you know what is family?

Do you really understand what is behind the word family?

It gives me a shock when I know the answer.

So long I never realize I don't know the real

Meaning of family..........

Here Is The Answer ........... FAMILY =

(F)ather

(A)nd

(M)other

(I)

(L)ove

(Y)ou

WHY does a man want to have a WIFE? Because:

(W)ashing

(I)roning

(F)ood

(E)ntertainment

WHY does a woman want to have a HUSBAND?

because:

(H)ousing

(U)nderstanding

(S)haring

(B)uying

(A)nd

(N)ever

(D)emanding

Do you know that a simple "HELLO" can be a sweet one?

Especially from your love one. (I mean not only from the boyfriend/girlfriend).

The word HELLO means :

(H)ow are you?

(E)verything all right?

(L)ike to hear from you

(L)ove to see you soon!

(O)bviously, I miss you ..

Link to comment
Share on other sites

สิ่งมีค่า..ที่แท้จริง

6boy1.jpg

... เช้าวันหนึ่ง..ที่โรงพยาบาล...

"ขอให้ชั้นดูหน้าลูกหน่อย..ได้มั๊ยคะ" คุณแม่คนใหม่เอ่ยขึ้น..

เมื่อห่อผ้าน้อย ๆ ..อยู่ในอ้อมกอดเธอ เธอค่อย ๆ คลี่ผ้าที่ห่อออก..

เพื่อมองใบหน้าเล็ก ๆ ..

กรี๊ดดดด.....เธอกรีดร้อง หมอต้องอุ้มเด็ก..ออกไปอย่างรวดเร็ว !!!!

**เด็กทารกที่เกิดมา...ไม่มีใบหู**

และแล้ว....กาลเวลาพิสูจน์ว่า

การได้ยินของเจ้าหนู..ไม่มีปัญหา

ปัญหา..มีเฉพาะสิ่งที่มองเห็นภายนอก คือ....ใบหูที่หายไป

หลายครั้ง..ที่เจ้าหนูกลับจากโรงเรียน แล้ววิ่งมาบอกแม่

เธอรู้ว่า..หัวใจลูกปวดร้าวแค่ไหน...

เจ้าหนูพูดโพล่งออกมา..อย่างน่าเศร้า

"พวกเด็กตัวโต ..พวกมันล้อผมว่า .. --ตัวประหลาด--"

จนกระทั่ง...

เจ้าหนูเติบโตขึ้น..หล่อเหลา.. เป็นที่รักของเพื่อน ๆ

*----*

เค้ามีพรสวรรค์.. ในด้านอักษรศาสตร์..

วรรณคดี..และดนตรี.. เค้าอาจได้เป็นหัวหน้าชั้น ...

แต่เพราะเจ้าสิ่งนั้น. ทำให้เค้า..ไม่อยากเจอใคร

"ลูกต้องพบปะกับผู้คนบ้างนะลูก"

แม่กล่าว..ด้วยความสงสารลูก

พ่อของเด็กชาย.. ปรึกษากับหมอประจำครอบครัว

และได้รับข่าวดีจากหมอว่า...

"ผมสามารถปลูกถ่ายใบหูได้ครับ ถ้ามีผู้บริจาค..แต่ใครล่ะจะเสียสละใบหู..เพื่อเด็กน้อยคนนี้" คุณหมอกล่าว

2 ปีผ่านไป พ่อบอกกับลูกชาย..

"ลูกเตรียมตัวไปโรงพยาบาลนะ พ่อกับแม่..หาคนบริจาคใบหู

ที่ลูกต้องการได้แล้ว... แต่นี่เป็นความลับ"

การผ่าตัด..สำเร็จด้วยดี

และแล้ว...คนคนใหม่ก็เกิดขึ้น

....เค้ากลายเป็น..ผู้มีพรสวรรค์... เป็นอัจฉริยะในโรงเรียน...ในวิทยาลัย

จนเป็นที่กล่าวขานกัน..รุ่นต่อรุ่น

ต่อมาได้แต่งงาน... และทำงาน.. เป็นข้าราชการในสถานทูต....+

วันหนึ่ง.. ชายหนุ่มถามผู้เป็นพ่อว่า..

"พ่อครับ.. ใครเป็นคนมอบใบหูให้ผมมา ใครช่างให้ผมได้มากมาย

แต่ผมไม่เคยทำอะไร.. เพื่อเค้าได้เลยสักนิด

"พ่อไม่เชื่อว่า ลูกจะตอบแทนเค้าได้หมดหรอก.. เรื่องนี้..เป็นความลับ

เราตกลงกันแล้ว" พ่อตอบ..~~!!!หลายปีผ่านไป.... มันยังคงเป็นความลับ!!!~~และแล้ว..วันนึง.. วันที่มืดมิดที่สุด.. ผ่านเข้ามา..ในชีวิตของลูกชาย

แม่เค้าได้เสียชีวิตลง

เค้ายืนข้าง ๆ พ่อ... ใกล้ๆศพของแม่

พ่อเรียกเค้า

"มานี่สิลูก..มานั่งใกล้ ๆ นี่" พ่อลูบผมแม่อย่างช้า ๆ..และนุ่มนวล

ผมสีน้ำตาลแดง..ถูกเสยขึ้น จนมองเห็นใบหน้า.. ที่มองดูเหมือนคนนอนหลับ

...และแล้ว.. สิ่งที่ทำให้ลูกชาย..ถึงกับต้องตะลึง.. ...ใบหูของแม่...หายไป!..!!!!!!!

แม่ไม่มีใบหู... "นี่เป็นคำตอบ.. ที่ลูกอยากรู้มาตลอดชีวิต"...

พ่อกระซิบผ่านลูกชาย

"แม่บอกพ่อว่า..เธอดีใจ.. ที่ได้ทำอย่างนี้..ตั้งแต่วันผ่าตัด..

แม่ไม่เคยตัดผมอีกเลย.. ไม่มีใคร..มองเห็นว่า.. เธอไม่สวยจริงมั๊ย?

จงจำไว้

~สิ่งมีค่า..ที่แท้จริง~

ไม่ได้อยู่ที่.. การมองเห็น..

หากแต่อยู่ที่..

~สิ่งที่เรา..มองไม่เห็น~~ความรัก..ที่แท้จริง~

ไม่ได้อยู่ที่.. เราได้ทำอะไร.. แล้วมีคน..รับรู้..

หากแต่อยู่ที่.. สิ่งที่เรา..กระทำ.. แล้วไม่มีใคร..รับรู้ ..~~~ความรัก~

บางครั้ง.. ไม่จำเป็น.. ต้องพูดพร่ำเพรื่อ..

หากแต่อยู่ที่.. ..การกระทำ..

ซึ่งเรา..อาจรับรู้.. เพียงแค่..ฝ่ายเดียว

Link to comment
Share on other sites

สาธุค่ะน้องต่ายคนงาม ขอบคุณค่ะน้องต่าย การให้ธรรมะเป็นธรรมทาน เกือบสูงที่สุดค่ะ แต่การให้ที่ชนะการให้ทั้งปวงคือ " อภัยทาน " ค่ะ พี่เจนเคยผ่านการให้อภัยทานหนักมาแล้วที่สุดในชีวิต ดังนั้นการให้อภัยครั้งต่อๆ ๆ ไป ก็คือเรื่องเล็กสำหรับพี่แล้ว พี่สบายใจ และมีความสุขมากค่ะ

Link to comment
Share on other sites

วันนี้ขอนำนำเสนอเรื่อง " ลำดับชั้นของผลบุญที่เกิดจากการทำทาน "

RM-AngelPraying_molly.gif

เรื่องของการทำทาน จะได้บุญมากหรือน้อยที่ขึ้นกับเนื้อนาบุญหรือ ผู้รับนั้นพระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้อย่างชัดเจนว่ามีลำดับขั้น ดังนี้

1. ทำทานแก่ สัตว์เดรัจฉาน แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ได้บุญน้อยกว่าให้ทานดังกล่าวแก่มนุษย์ที่ไม่มีศีลธรรม แม้เพียงครั้งเดียวก็ตาม

2. ทำทานแก่ มนุษย์ที่ไม่มีศีลธรรม แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ได้บุญน้อยกว่าให้ทานดังกล่าวแก่ผู้ที่มีศีล 5 แม้เพียงครั้งเดียวก็ตาม

3. ทำทานแก่ ผู้ที่มีศีล 5 แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ได้บุญน้อยกว่าให้ทานดังกล่าวแก่ผู้ที่มีศีล 10 คือสามเณร แม้เพียงครั้งเดียวก็ตาม

4. ถวายทานแก่ สามเณรซึ่งมีศีล 10 แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ได้บุญน้อยกว่าถวายทานดังกล่าวแก่พระสมมติสงฆ์ซึ่งมีปาติโมกข์สังวร 227 ข้อ แม้เพียงครั้งเดียวก็ตาม (สมมติสงฆ์หมายถึง พระสงฆ์ที่ยังไม่บรรลุธรรมและถือศีล 227 ข้อ)

5. ถวายทานแก่ พระสมมติสงฆ์ แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ได้บุญน้อยกว่าถวายทานดังกล่าวแก่พระโสดาบัน แม้เพียงครั้งเดียวก็ตาม

6. ถวายทานแก่ พระโสดาบัน แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ได้บุญน้อยกว่าถวายทานดังกล่าวแก่พระสกิทาคามี แม้เพียงครั้งเดียวก็ตาม

7. ถวายทานแก่ พระสกิทาคามี แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ได้บุญน้อยกว่าถวายทานดังกล่าวแก่พระอนาคามี แม้เพียงครั้งเดียวก็ตาม

8. ถวายทานแก่ พระอนาคามี แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ได้บุญน้อยกว่าถวายทานดังกล่าวแก่พระอรหันต์ แม้เพียงครั้งเดียวก็ตาม

9. ถวายทานแก่ พระอรหันต์ แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ได้บุญน้อยกว่าถวายทานดังกล่าวแก่พระปัจเจกพระพุทธเจ้า แม้เพียงครั้งเดียว ก็ตาม

10. ถวายทานแก่ พระปัจเจกพระพุทธเจ้า แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ได้บุญน้อยกว่าถวายทานดังกล่าวแก่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้เพียงครั้งเดียวก็ตาม

11. ถวายทานแก่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ได้บุญน้อยกว่าถวายสังฆทานที่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน แม้เพียงครั้งเดียวก็ตาม

12. ถวาย สังฆทานที่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ได้บุญน้อยกว่าถวายวิหารทาน แม้เพียงครั้งเดียวก็ตาม (วิหารทาน ได้แก่ การสร้างหรือร่วมสร้างโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ ศาลาโรงธรรม ศาลาท่าน้ำ ศาลาที่พักอาศัย

คนเดินทางอันเป็นสาธารณประโยชน์ รวมถึงโรงพยาบาล โรงเรียน บ่อน้ำ แท็งก์น้ำ สุสาน เมรุเผาศพ)

13. ถวาย วิหารทาน แม้จะมากถึง 100 ครั้ง (100 หลัง) ก็ได้บุญน้อยกว่าการให้ธรรมทาน แม้จะให้เพียงครั้งเดียวก็ตาม (ธรรมทาน ได้แก่ การเทศน์ การสอนธรรมะแก่ผู้อื่น ชักจูงผู้คนให้เข้าปฏิบัติธรรม การพิมพ์หนังสือธรรมะแจก)

14. การให้ ธรรมทาน แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ได้บุญน้อยกว่าการให้ “ อภัยทาน †แม้จะให้เพียงครั้งเดียวก็ตาม (การให้อภัยทานคือ การไม่ผูกโกรธ ไม่อาฆาตจองเวร ไม่พยาบาท คิดร้าย)

*** ดังนั้น การอภัยทาน คือการให้ที่ชนะการให้ทั้งปวงในทางพระพุทธศาสนา ***

ตรงนี้เป็นบทความหรือมาจากพระคัมภีร์ของศาสนาคริสต์ พี่ไม่แน่ใจค่ะ แต่น่าสนใจ เป็นเรื่องราวของ " Forgiveness " เป็นมุมมองและคำสอนที่แตกต่างกัน แต่จึดมุ่งหมายเดียวกันคือการสอนให้อภัยคนอผู้อื่น อ่านแล้วดีมากค่ะ เลยนำมาฝาก

forgiveness.jpg

Colossians 3:12-13 So, as those who have been chosen of God, holy and beloved, put on a heart of compassion, kindness, humility, gentleness and patience; bearing with one another, and forgiving each other, whoever has a complaint against anyone; just as the Lord forgave you, so also should you.

When I was a young boy, and began asking those important questions about Christianity, my dad let me know that one of the most difficult things for us as Christians to master was forgiveness. As I have become a dad myself, it has become even more difficult. Now with all that aside, it is also absolutely essential to us receiving the salvation that we are working so diligently for. That’s right; you will never receive forgiveness from God if you can’t learn to forgive others. That’s just how it is. As tough as it may be for us to do, we have no other option, if salvation is our goal. Our forgiveness for others will be the measuring stick that Jesus will use the day we stand before Him on judgment day, so we had better get it right while we have the chance!

Link to comment
Share on other sites

ต่ายก็เคยให้อภัยคนที่พรากชีวิตคุณพ่อต่ายกับคนที่โกงเงินครอบครัวต่ายตอนพ่อเสียไปแล้วค่ะ แรกๆก็โกรธแค้นคนทั่งคู่มาก ตอนนั้นเพิ่งจะวัยรุ่น จบมหาลัยทำงานได้ไม่นาน ยังทุกข์กับการผูกพยาบาท แต่เพราะผลบุญในอดีตที่ทำให้คิดได้ ปลงตกและได้ไปนังวิปัสนา กรรมฐานที่วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรีของหลวงพ่อจรัญ เลยปล่อยวางความพยาบาทได้แถมทุกคืนก่อนนอนก็อธิษฐานเบิกบุญให้คนที่พรากชีวิตคุณพ่อไปอีกด้วยนะคะ ชีวิตในวันนี้ไม่เคยโกรธใครอีกเลย พอจะเริ่มมีอารมณ์ขุ่นมัว ต่ายก็ใช้วิธีถามตัวเองว่าโกรธจริงหรือ เป็นแบบที่พระท่านว่าไว้นะคะว่าสติเรารับอามรณ์ได้ทีละอย่างจริงๆ ชีวิตก็เป็นสุขมากขึ้นจากการปล่อยวางน่ะค่ะ แถมมีโยคะช่วยอีกทาง เป็นบุญของต่ายแล้วค่ะพี่ ในตอนนี้ก็อธิษฐานให้เจอและให้เกิดในยุคพระศรีอารย์ทุกภพทุกชาติค่ะ

Link to comment
Share on other sites

พี่เสียใจด้วยค่ะน้องต่าย ขอให้น้องต่ายเจริญในธรรมค่ะ การวิปัสนากรรมฐานจะช่วยเราหลุดพ้น เป็นหนทาเดียวเท่านั้น ที่จะต้องไม่เกิดแล้ว ตอนไหนที่บุญแรงที่สุดรู้ไหมค่ะ คือตอนขณะที่เราทรงกรรมฐานอยู่ ก่อนถอนออกจากสมาธิ ให้แผ่เมตตาก่อนจะถอนออกจากสมาธิ บุญนั้น แรงมาก ถึงแม้กระทั่งไฟนรก หากเราได้แผ่เมตตาไปยังขุมนรกนั้น นรกขุมนั้นก็จะเกิดแสงวาบขึ้นมาชั่วขณะหนึ่ง และถ้าหากเราเอ่ยชื่อผู้หนึ่งผู้ใดทีี่้ราต้องการจะแผ่เมตตาให้นั้น บุคคลผู้นั้นก็จะปลดเปลื้องความเจ็บปวด ทรมาณได้ชั่วคราว การที่เรานั่งกรรมฐาน แล้วส่งบุญไปให้บุคคลใดก็ตาม ถามว่าสามารถลดกรรมของเค้าได้ไหม คำตอบคือ สามารถลดกรรมของเขาได้ด้วยค่ะ

น้องต่ายผ่านเรื่องราวร้ายๆ มา แล้วมาเจอพระพุทธศาสนา มาได้เรียนกับครูบาอาจารย์อย่างองค์หลวงพ่อจรัญฯ ท่าน ถือว่าเป็นผู้มีบุญบารมีมาเกิด มีของเก่ากลับมา ชาตินี้ถึงมีการทดสอบค่ะ

ให้สังเกตุดูรอบๆ ตัวค่ะ หากว่าเราดูเหมือนจะเป็นแกะดำในสายตาเพื่อนๆ ที่ไม่ได้สนใจทางธรรมเลย จงภูมิใจตัวของเราให้มาก ว่าเรามาถูกทางแล้ว ให้มองเขาเหล่านั้นด้วยความสงสาร และเมตตา เพราะว่าจริงๆ แล้ว เราคือแกะขาว ในฝูงของแกะดำฝูงนั้น เราเชื่อมั่นได้เลยว่าชาติหน้าที่มีจริงแท้แน่นอน กรรมที่เราทำมาดีนั้น จะส่งผลให้เราไปเกิดในภพภูมิที่ดีๆ คนที่ยังหลงในลาภ ยศ สุข สรรเสริญ เหล่านี้คือทางไปอบายภูมิทั้งสิ้น ใครๆ ก็อยากมีความสุข อยากรวย อยากมีตำแหน่งใหญ่โต อยากมีชื่อเสียง ของเหล่านี้มันเที่ยงไหม ไม่มีอะไรเที่ยงในโลกใบนี้ มีเกิด ต้องมีดับตลอด แม้กระทั่งภูผาที่ว่าแข็งแกร่งก็ยังต้องพังทลายเข้าไม่วันใดก็วันหนึ่ง ต้นไม้ทำไมใบไม้ร่วงตลอด คลื่นทำไมถึงกระทบฝั่งตลอด ทำไมต้องแผ่นดินไหว น้ำท่วม ทำไมเราต้องเวียนว่ายตายเกิด ทำไมเราเกิดมาต่างกัน ทำไม คนเราเกิดมา ต้อง สุข ทุกข์ เศร้า ดีใจ เสียใจ ยินดี โกรธ ชอบ ไม่ชอบ อิจฉา ตลอด ไม่มีอะไรเที่ยงเลย เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนััตา เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป

พี่เจนเอง ก็ยังพยายามอยู่ อารมณ์เหล่านี้ เมื่อก่อนมีแบบสุดขีด ตอนนี้หลังจากเพียรพยายามมานานหลายปี ค่อยๆ จางลงไป วันละเล็ก วันละน้อย วันไหนที่พลาดท่ามันเข้าแล้ว พี่ก็รู้ทันที แล้วพูดกับตนเองว่า " เจน..วันนี้แกพลาดท่าเสียทีให้กิเลสเข้าแล้ว "

ลองดูคนรอบๆ ตัวนะค่ะ ถ้าหากน้องต่ายไปเจอที่วัด ที่สอนกรรมฐาน ไม่เจ็บ หรือไม่ก็จน จะมีน้อยคนนักที่สบายทุกอย่างแถมยังรวยอีกด้วย มาปฏิบัติธรรม บุคคลเหล่านั้น เกิดมาเพื่อสร้างบารมี และสะสมบุญเ่ก่ามาก แต่ไม่ได้หมายความว่า คนที่เจ็บหรือจนนั้น จะไม่มีบุญ สังเกตุดูเอาค่ะ ถ้าหากเรามีพ่อแม่แม่ครูบาอาจารย์ที่ท่านบรรลุมรรคผลนิพพานแล้ว อย่างองค์หลวงพ่อจรัญที่น้องต่ายไปกรรมฐานที่วัดนั้น อย่างของพี่มีหลวงปู่ขาว พุทธรักขิโต (สกลนคร) องค์พระครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า(พะเยา)พระครูบาเหนือชัย(Unseen Thailand),หลวงพ่อไก่ (สุพรรณบุรี พระผู้ทรงณาน 20 ปี โดยไม่หลับเลย) เป็นต้น พี่ยังมีครูบาอาจารย์ที่ท่านมาสอนพี่ มาดูแลพี่ และพี่อยู่ในข่ายญาณบารมีของท่านอีกหลายองค์ ที่ทรงละสังขารแล้ว และทรงตำนานทั้งนั้น แต่พี่ไม่ขอเปิดเผย จะสังเกตุว่าแม้กระทั่งพี่เอง ถ้าไม่มีบุญเก่ามาดี ก้ไม่มีทางได้เจอครูบาอาจารย์ที่ท่านทรงบรรลุธรรมแล้วทั้งสิ้น ถ้าไม่เจอพวกท่าน ป่านนี้พี่ยังคงต้องหิวโหยเพราะต้องตายก่อนอายุขัย รอจนกว่าจะได้ไปเกิดใหม่นั่นแหล่ค่ะ ทางพระพุทธศาสนามีไว้ว่า ใครที่ฆ่าตัวตาย ก็จะต้องฆ่าตัวตายอีก 500 ชาติ ฟังแล้วก็น่ากลัวมากนะค่ะ ขอให้น้องต่ายเจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปนะค่ะ สาธุ อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

Edited by simply_oriental
Link to comment
Share on other sites

ขอบคุณค่ะพี่เจน ทุกวันนี้ต่ายก็ใจสะอาดขึ้นเยอะนะคะ แล้วก็รู้สึกโชคดีที่ได้เจอคนดีๆ แล้วก็รู้สึกขอบคุณเวลาเจอคนไม่ดี เพราะเขาจะเป็นครูเราที่ทดสอบความแข็งแกร่งของใจ และเรายังมีร่างกายที่แข็งแรง สามารถทำอะไรได้อีกมากมาย บุญหนักหนาแล้วค่ะ

Link to comment
Share on other sites

ชาวอเมริกันกว่า 10 ล้านคนนั่งสมาธิทุกวัน

photo-mindfulness.jpg

เมืองมิดเดิลทาวน์ รัฐโอไฮโอ (สหรัฐอเมริกา) - ในปี 1900 มีคนนับถือพุทธในสหรัฐอเมริกา 30,000 คน แม้ว่าจะมีการนับถือพุทธศาสนาในประเทศสหรัฐอเมริกามายาวนาน จำนวนของผู้ที่นับถือพุทธศาสนา ก็เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา ในช่วงกลางทศวรรษที่ 70 มีชาวพุทธอยู่ในสหรัฐอเมริกาถึง 200,000 คน และในปี 1995 ก็เพิ่มขึ้นเป็น 1.8 ล้านคน (อ้างตามสารานุกรมบริเตนนิกา) )

ซึ่งการเติบโตของพุทธศาสนาไม่ใช่อยู่แค่ในเมืองใหญ่ๆ ของทวีปเอเชีย และกลุ่มชาวอินเดียอย่างที่คนหลายๆ คนคิด และพุทธศาสนาก็ได้เติบโตขึ้นที่เมืองมิดเดิลทาวน์นี่เช่นกัน ทั้งในและนอกมหาวิทยาลัย Wesleyan ซึ่งส่วนใหญ่แล้วต่างเป็นชาวตะวันตก ไม่มีชาวเอเชียหรือชาวอินเดียอยู่แถวนี้เลย ผู้ที่นับถือพุทธศาสนาในกลุ่มนี้คิดว่าความศรัทธานี้จะต้องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีสังคมที่เปิดกว้าง การไม่เชื่อความจริงของศาสนา และผู้ที่ยึดมั่นในพุทธศาสนา เกล็น ลิววิส ผู้ก่อตั้งของสมาคมศรัทธาพุทธ แห่งเมืองมิดเดิลทาวน์ กล่าวว่า "เนื่องจากประเทศของเราเปลี่ยนเป็นสังคม ที่ไม่เชื่อในศาสนามากขึ้น ดังนั้น จึงมีคนจำนวนมากขึ้นที่ถูกดึงดูดใจจากศาสนาอื่นๆ เช่นพุทธศาสนา เพราะพวกเขาไม่ได้ถูกสั่งสอน ให้ซึมซาบในลัทธิเหมือนกับเป็นเด็ก" เขายังกล่าวอีกว่า "พวกเขากำลังมองหาบางสิ่งบางอย่างที่ไปกันได้"

บางคนอาจจะหันมาสนใจพุทธศาสนา ตั้งแต่แรกเพราะคิดว่าหลายศาสนาที่มีธรรมเนียมปฏิบัติแบบเดิมๆ และแง่มุมในการมองชีวิตอย่างทันสมัยเป็นสิ่งที่ใช้การไม่ได้อีกต่อไป การทำสมาธิสามารถดึงดูดใจพวกเขาตั้งแต่แรกเริ่มหันมานับถือศาสนานี้ ซึ่งนับว่าเป็นวิธีปฏิบัติแบบรวมศูนย์ของพุทธศาสนา

ลิววิสเริ่มจัดตั้งสมาคมนี้ขึ้นโดยเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรและอุทิศตน ให้แก่การปฏิบัติธรรม สมาคมนี้ตั้งอยู่ในอพารต์เมนท์ที่มีคนบริจาคให้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ลิววิสกล่าวว่าสมาคมนี้มีคน 30 คนและมีรายชื่อที่จะต้องส่งไปรษณีย์ไปให้ถึง 300 คน

ตามที่ลิววิสกล่าว การเติบโตของกลุ่มนี้ เกิดขึ้นมาจากคนในกลุ่มและความจริง ที่ว่าพุทธศาสนาสามารถปฏิบัติได้เองที่บ้าน เขากล่าวว่าพุทธศาสนาไม่เป็นลัทธิ และสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ประจำวันได้

"พุทธแบบชินเป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน" ลิววิสกล่าว " มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของพระพุทธเจ้า"

นักศึกษาของมหาวิทยาลัย Wesleyan ผู้ที่อาศัยอยู่ที่บ้านชาวพุทธในมหาวิทยาลัย พูดเช่นกันว่าพุทธศาสนานั้น สามารถนำมาใช้ได้กับชีวิตประจำวัน สำหรับพวกเขาแล้ว พุทธศาสนาเป็นเรื่องเกี่ยวกับการมองโลก ในแบบที่ไม่ได้รวมศูนย์ไว้ที่ใครคนใดคนหนึ่ง และพวกเขากล่าวว่าพุทธศาสนา เป็นเรื่องเกี่ยวกับการสร้างความแตกต่างทางบวกให้แก่โลกใบนี้

พวกเขาย้ายไปที่บ้านพักในมหาวิทยาลัยในปี 2003 ภายหลังจากที่ศึกษาวิชาพุทธศาสนาและทำสมาธิในกลุ่มที่นำโดยโลโดร รินสเลอร์ เป็นเวลา 3 ปี ทุกวันนี้ มีนักศึกษา 18 คนอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ซึ่งเปิดกว้าง สำหรับใครก็ได้ที่ต้องการใช้เป็นที่สำหรับทำสมาธิและต้องการความสงบ

รินสเลอร์ ผู้ถูกเลี้ยงดูมาในบ้านพุทธหลังนี้ กล่าวว่ามีคนอีกเป็นจำนวนมากจากมหาวิทยาลัย ที่มาทำสมาธิที่บ้านหลังนี้ แต่ไม่ได้ถือว่าตัวเองนับถือพุทธศาสนา คนทั่วไป เขาและนักศึกษาคนอื่นๆ กล่าวว่า พวกเขาสามารถเป็นส่วนหนึ่งของพุทธศาสนาได้โดยไม่ต้องตีตราว่าเป็นคนที่ นับถือพุทธศาสนา "เราเห็นคนจำนวนมากมาที่นี่เพื่อมาเรียนทำสมาธิ" รินสเลอร์ นักศึกษาปี 3 วัย 21 ปีกล่าว "จากนั้น เราก็อาจจะไม่ได้ยินเรื่องราวของพวกเขาเลยอีกสองสามปีหลังจากนั้น" นักศึกษาของมหาวิทยาลัย Wesleyan บางคนที่พักที่บ้านหลังนี้กล่าวว่า ถึงแม้จะมีหลายคนที่เริ่มหันมานับถือพุทธศาสนาเ นื่องมาจากคุณค่าทางธรรมเนียมดั้งเดิมของพวกเขา ใช้การไม่ได้อีกต่อไป แต่พวกเขาก็ยังคงอยู่กับศาสนาเ พราะศาสนาสามารถช่วยพวกเขาได้

"ผมไม่พอใจกับศาสนาที่ผมเติบโตขึ้นมา" ทิม ฮินเกล นักศึกษาชั้นปีที่ 2 วัย 20 ปีกล่าว "แต่พุทธศาสนา เป็นเรื่องของพันธะทั้งหมดบนโลก"

ฮินเกลกล่าวอีกว่าเขาเริ่มชื่นชอบการนำเอาไปใช้ได้จริงและวินัยของพุทธศาสนา เขากล่าวว่าการทำสมาธิเป็นตัวอย่างว่าวิทยาศาสตร์ ได้ทำให้ส่วนหนึ่งของพุทธศาสนามีเหตุมีผล สำหรับการที่มันมีประโยชน์แก่สุขภาพของคน

เบน เฟร์ นักศึกษาชั้นปีที่ 2 วัย 20 ปีกล่าวว่าเขาหันมานับถือพุทธศาสนาเพื่อค้นหาความสงบสุข ถึงแม้ว่าการนับถือพุทธก็คือการผูกพันโลก ด้วยความกรุณาและความเมตตา มันยังสอนคนให้เข้าถึงความคล้องจองภายใน เราสามารถเข้าถึงความคล้องจองภายใน ได้ด้วยการทำสมาธิและการเอาใจใส่ต่อโลก

"มันไม่ใช่จุดเริ่มต้นหรือจุดจบ" เฟเยอร์กล่าว "มันเป็นการยกระดับของความเข้าใจมากกว่า"

คนอเมริกันกว่าสิบล้านคนนั่งสมาธิอย่างสม่ำเสมอ เป็นสองเท่าของสิบปีก่อน สถานที่หลายแห่งในสหรัฐอเมริกา เช่น ที่นิวยอร์กเปลี่ยนเป็นที่นั่งสมาธิหลายแห่ง จนคนเรียกแถบนั้นว่าเป็นแถบของชาวพุทธ นักเรียนนั่งสมาธิก่อนเข้าห้องเรียนทุกเช้า นักกฎหมาย นักธุรกิจ คนทำงานสาขาอาชีพต่าง ๆ นั่งสมาธิตามที่หน่วยงานของตนจัดให้นั่งอย่างสม่ำเสมอ ดาราภาพยนตร์ นักการเมือง นักเขียน ต่างก็นั่งสมาธิ แม้แต่นักโทษในคุกก็มีห้องนั่งสมาธิ ผู้พ้นโทษมาแล้วจะกลับเข้าคุกน้อยกว่าพวกที่ไม่ได้นั่ง คนไม่เชื่อเรื่องสมาธิกลายเป็นคนกลุ่มน้อยในสหรัฐอเมริกาไปเสียแล้ว คนเหล่านี้นั่งสมาธิ เพราะสมาธิทำให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย สุขภาพดีขึ้น ชีวิตดีขึ้น ทำให้สร้างความสามัคคีปรองดองให้เกิดขึ้น

Link to comment
Share on other sites

คนดังตะวันตกกล่าวว่า พบสุขปิ่มหัวใจเมื่อได้เป็นพุทธ

art_262961.jpg

ท่านเคยนึกสงสัยบ้างหรือไม่ว่า ทำไมปัจจุบันนี้ ปัญญาชนระดับแนวหน้าของโลก รวมถึงบุคคลที่มีชื่อเสียง กำลังหันมาศึกษาและปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธศาสนากันเป็นจำนวนมาก ดร.แดเนียล โคลแมน (Dr. Daniel Coleman) นักเขียนเกี่ยวกับเรื่องอารมณ์และเชาวน์ปัญญา เชื่อว่าการปฏิบัติสมาธิตามหลักพระพุทธศาสนา คือคำตอบที่เป็นทางออกของปัญหาทางอารมณ์ ที่กำลังนำมนุษยชาติไปสู่หายนะอยู่ทุกขณะจิตในปัจจุบัน

และอีกท่านหนึ่ง คือ ศาสตราจารย์ แสตนฟอร์ด (Prof. Standford) ผู้ได้รับรางวัลโนเบล สาขาฟิสิกซ์ ประจำปี 1997 ร่วมกับ ดร.สตีเฟน จู (Dr. Steven Chu) ได้กล่าวว่า “ทุกแง่ทุกมุมของพระพุทธศาสนา ล้วนดึงดูดและสร้างความประทับใจอย่างลึกซึ้ง†ให้แก่ผู้ที่ได้เข้าไปทำความรู้จัก นับตั้งแต่นักแต่งเพลงอย่างฟิลลิป กลาส (Philip Glass) จนถึงดาราภาพยนตร์อย่าง ริชาร์ด เกียร (Richard Gere), สตีเฟน ซีกัล (Steven Seagal) แฮริสัน ฟอร์ด (Harrison Ford) และโกลดี ฮอน (Goldie Hawn) ตลอดจนถึงนักร้องชื่อดัง อย่างเช่น ทีน่า เทอรเนอร (Tina Turner) และนักฟุตบอล อย่างเช่น โรเบอร์โต บั๊กโจ้ (Roberto Bugiou) บรรดาท่านที่กล่าวนามมานี้ ต่างก็ล้วนแต่ได้พบความเอิบอิ่มใจ และได้มีความสุข สงบเย็นในพระพุทธศาสนา อย่างที่เขาไม่เคยได้พบมาก่อนในชีวิต

อีกอย่างหนึ่ง ท่านคงจะเคยนึกสงสัยว่า เหตุใดซอฟแวร์คอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยอย่าง IBM จึงเอาคำที่มีความหมายเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนามาตั้งชื่อโปรแกรม โดยให้ชื่อว่า “Lotus 1; Lotus 2; Lotus 3†คำว่า “Lotus†หรือ “ดอกบัว†ที่ชาวพุทธทั่วโลกถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนา จะเห็นได้จากพระพุทธรูปที่เป็นตัวแทนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ว่าจะเป็นปางประทับนั่งหรือยืนหรือไสยาสน์ ก็ต้องมีดอกบัวรองรับเสมอ แม้แต่เจ้าแม่กวนอิม พระโพธิสัตว์แห่งเมตตาธรรมในนิกายมหายาน ก็มีดอกบัวรองรับเช่นเดียวกัน นอกจากนั้น ยังมีพระคัมภีร์สำคัญสูตรหนึ่งในนิกายมหายาน ใช้คำ ๆ นี้เป็นชื่อพระสูตรคือ “Lotus Sutra†ซึ่งมีชื่อในภาษาไทยว่า “สัทธรรมปุณฑริกสูตร†หรือแม้แต่เจ้าชายสิทธัตถะที่ต่อมาได้ตรัสรู้เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขณะประสูติจากพระครรภ์ของพระราชินีสิริมหามายาพระมารดา ก็มีจารึกไว้ในพุทธประวัติว่าได้ทรงพระดำเนินไป ๗ ก้าว โดยมีดอกบัวมารองรับ ดังนั้น ถ้าเราจะพิจารณาให้ลึกซึ้ง ก็จะเห็นความเป็นผู้มีอัจฉริยภาพ ของบุคคลที่คิดนำเอาคำที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญของพระพุทธศาสนา ซึ่งเคยเป็นศาสนาที่ยิ่งใหญ่ในประเทศอินเดียในอดีต กว่า 2,500 ปีมาแล้ว มาเชื่อมโยงกับสิ่งที่เป็นนวัตกรรมยุคใหม่หรือยุค IT คือซอฟแวร์คอมพิวเตอร์ ที่มีชื่อว่า “Lotus 1, Lotus 2, และLotus 3â€

บุคคลผู้นี้เป็นชาวพุทธอเมริกัน ที่เราขอปรบมือให้ คือคุณ Michell Kapor ผู้ก่อตั้งบริษัท Lotus Development Corporation และถือว่าเป็นบิดาผู้ให้กำเนิดโปรแกรม Lotus 1-2-3 นับได้ว่าเป็นชาวพุทธตะวันตกที่เข้าใจอย่างลึกซึ้ง ในหลักธรรมของพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะในแงที่คำสอนไม่เก่าและล้าสมัยสมดังคำสวดสรรเสริญพระธรรมบทว่า “อกาลิโก†หมายความว่า พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่มีคำสอนที่ทันสมัยและเป็นจริงอยู่เสมอ เป็นจริงในอดีต เป็นจริงในปัจจุบัน และเป็นจริงในอนาคต จึงเป็นศาสนาที่เหมาะกับทุกยุคทุสมัย

Link to comment
Share on other sites

ท่ามกลางกระแสตีกลับความนิยมต่อศาสนาพุทธในตะวันตกกลับเพิ่มพูนมากขึ้น แต่ในไทยกลับลดลงถ้าดูในแง่ของความเข้าใจในแก่นของศาสนานะคะพี่เจน น่าเสียดายที่คนไทยมากมายทำตัวดั่งอุปมาลิงได้แก้วจริงๆ

Link to comment
Share on other sites

พี่ก็เห็นด้วยกับน้องต่ายค่ะ คนตะวันตกที่มีบุญเขาก็มาทางนี้ อย่างไรต้องมีอันให้ได้มานับถือพุทธ เพราะมันต้องเกี่ยวเนื่องเรื่องภพชาติด้วย

อย่างหลวงปู่ขาว พุทธรักขิโต ท่านอยูที่สกลนคร เป็นพระอริยะเจ้า ที่เขาลงหนังสือในเซเว่น ท่านก็เป็นครูบาอาจารย์องค์แรกของพี่ ท่านช่วยชีวิตพี่ไม่ให้เป็นผีเร่ร่อน ไปกราบท่านแบบน้ำตานองหน้าตอนนั้น ท่านก็เห็นว่าพี่ไปทะเลาะกับเทวดา ท่านไม่เคยเห็นหน้าพี่ แล้วท่านจะรู้ได้อย่างไรว่าวันนั้นพี่กำธูปไปเป็นกำ วิ่งไปห้องพระทะเลาะกับเทวดาที่บ้าน ท่านพูดแต่ภาษาอีสานนะ ครั้งหนึ่งมีฝรั่งเยอรมันไปกราบท่าน เขาคนนั้นพูดภาษาเยอรมัน ถ้าภาษาอังกฤษก็ยังโอเคอยู่ นี่ภาษาเยอรมันเลย ท่านหลวงปู่ ภาษาเมืองกรุงท่านไม่เคยพูดเลยตั้งแต่เกิดมา นี่ภาษาเยอรมันท่านจะเข้าใจรึ พอฝรั่งคนนั้นไปพบท่าน เห็นกันครั้งแรกฝรั่งร้องไห้เลย หลวงปู่ก็น่ำตาไหลนะ เขาบอกว่าเขาฝัน้ห็นท่าน เขารู้ว่าท่านเป็นใคร ยังงัยเขาต้องมาหาท่านให้ได้ เขาพูดกับหลวงปู่เป็นภาษาเยอรมัน ท่านตอบกลับเป็นภาษาอีสาน แล้วคุยกันรู้เรื่องอยู่สองคน พวกลูกศิษย์มาทราบภายหลังว่า ฝรั่งคนนี้ท่านบอกว่าเป็นพี่น้องกับท่านมาชาติก่อน เขามีบุญบารมีจึงตามมาหาท่านเจอ เรื่องอย่างนี้ใึรไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรค่ะ เล่าสู่กันฟัง

พี่เจนเองยังเคยเกิดเป็นเจ้าหญิงอียิปต์เลย นิมิตรเห็นอยู่ เป็นอดีสตังสยาน(เห็นอดีต) แต่ตอนนั้นกลัวมาก เพราะนิมิตรนั้นมาตอนตี 2 ตอนพี่นอนพี่จะใช้ผ้าปิดตา จะมืดอย่างไร ก็ต้องใช้เพราะมันติดแล้วตั้งแต่เด็กๆ ตอนนั้นเรียกรรมฐานหนัก อะไรๆ ของเก่าๆ นี่จะมาให้เห็นเลย ตอนนั้นนอนอยู่ จู่ๆ ก็เห็นภาพผ่านลูกตาในซึ่งเราว่าเราหลับตาแล้วนะ เป็นช่องสี่เหลี่ยมคล้ายๆโทรทัศน์ เริ่มเรื่องมาเป็นชาวอียิปต์ เป็นหญิง แต่งกายสวยงาม แล้วมีเรื่องราวต่อ พี่พูดว่าไม่เอา ไม่อยากเห็น อย่าเพิ่งมา ตอนนี้ตี 2 พี่เจนอยู่บ้านคนเดียว พี่อยู่คนเดียว ตอนนั้นสุนัขก็ไม่มี ก็เลยกลัว เพราะเกิดประเดี๋ยวช็อคตายไป จะไม่มีใครเห็น น้องชายจะมาเยี่ยมทีก็ทุกวันอาทิตย์ กลัวว่าจะขึ้นอืดเสียก่อน ก้เลยกลัว พีก็พูดออกมาดังๆ นะว่า " ลูกยังไม่อยากเห็น ไม่อยากได้ตอนนี้เจ้าค่ะ รอเช้าหน่อยได้ไหมเจ้าค่ะ " คงไม่ได้หรอกจริงๆ แล้ว ของเก่าจะมาก็ตอนที่มันบุญเต็ม บารมีเริ่มเกิด เข้าที่เข้าทางแล้วเท่านั้น ทีนี้พี่ก็ลองแบบดูก็ได้ แต่แบบใจเต้นมาก พี่พยายามฝืนไม่ดู แต่มันต้องดูงัย รู้ว่าหลับตาอยู่นะ เอ๊ะ รึว่าฝันไป หยิกแขนตัวเองก้เจ็บ ลมหายใจก็ดังมาก เพราะกลัวจัด พี่ก็ดูแบบไม่เต็มใจ นี่ถ้าคนอื่นรู้ว่าพี่ตายเลย ของอย่างนี้ไม่มีให้เห็นบ่อยๆ พี่ก็ฝืน ทนดูไป แต่แบบขอเปลี่ยนเรื่อง คิดในใจ

แหม! ที่นี้จัดให้ เปลี่ยนเรื่องให้ เห็นเป็นชาวบ้านบ้าง เป็นชาย เป็นหญิง เป็นทหาร เป็นโน่น นี่ นั่น มันไม่เต็มใจดู ก้เลยจำไม่ได้หมด แต่จำได้อยู่ตอนเดียวว่าเป็นอียิปต์หญิงแต่งกายเหมือนคลีโอพัตรา แต่ไม่ใช่ท่านนะ ดูไปไม่น่าจะเกิน 10 นาที แล้วมันกลัวมาก ตอนนั้นทำไมขอให้เป็นแค่ความฝันก็ไม่รู้ เลยตัดสินใจเปิดผ้าที่ปิดตาออก แล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ตอนนี้ยิ่งอยากจะกรีสสสสส เพราะว่าตอนที่เปิดผ้าออกมานั้น จอสี่เหลี่ยมที่มีเรื่องราวนั้น ยังลอยเด่นอยู่ตรงหน้าเลย ทีนี้พี่รู้ได้เลยว่าไม่ใช่ฝัน นั่นคืออดีสตังสยาน ดั่งที่พระพุทธองค์ทรงมี แต่พระพุทธองค์ท่านไม่ต้องไปรอให้ของเก่สมา เพราะท่านเห็นอย่างแม่นยำ แบบเหมือนชีวิตจริงเลย รู้ว่าของจริงแน่ เลยวิ่งปรู๊ดไปเปิดไฟ แล้วก็นั่งตื่นเต้นอยู่คนเดียว วันนั้นเลยนอนเปิดไฟทั้งคืน พอรุ่งขึ้นท่านอาจารย์ยังอยู่กรุงเทพฯ พี่ก็กราบเรียนถามท่าน พี่ไม่ได้บอกรายละเอียด เพราะพี่รู้ว่าท่าานรู้ คนอื่นๆ นั่งฟังแบบงงๆ พี่ถามท่านว่า " อาจารย์พ่่อค่ะ ใช่ไหมค่ะ " ท่านตอบว่า " ใช่ " นั่นแหล่ะลูกมาแล้ว เกิดแล้ว พี่ก็สาธุ สาธุ เล่าให้ฟังค่ะ ถือว่าฟังขำๆ นะค่ะ แต่หากใครปฏิบัติจริงจะรู้ว่า เรื่องอย่างนี้มันหายาก บ๊าย บายค่ะ

ปล: ตอนนี้เลยเข้าใจแล้วว่า ทำไม 1.ชอบเรื่องราวของปิรามิด ฟาโรห์มากตั้งแต่เด็กๆ และทำไม 2. ไป Middle East เมื่อไหร่ จะมีแขกหนุ่ม แก่ วิ่งตามตลอด เพราะเป็นอย่างนี้นี่เอง ทำไมท่านชีคยังตามหาพี่ไม่เจอพี่สักทีนะ :lol:

Link to comment
Share on other sites

อานิสงส์ถวายเทียนพรรษา

พอดีอ่านเจอกระทู้งานแห่เทียนที่อุบลของสมาชิก TF ท่านหนึ่ง วันนี้จึงขอลงเรื่องนี้เพื่อเป็นความรู้เพิ่มเติมให้ค่ะ

หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) เล่าอานิสงส์การถวายเทียนหรือหลอดไฟในวันเข้าพรรษา การถวายเทียนเข้าพรรษา หรือว่า ถวายกระแสไฟในพระพุทธ-ศาสนา เหมือนกัน อย่างนี้ถ้าเกิดเป็นเทวดาจะมีรัศมีกายสว่างมาก ต่อไป

t.jpg

ถ้า บรรลุมรรคผล จะเป็นบุคคลผู้เลิศใน ทิพจักขุญาณ อย่าง พระอนุรุทธ ท่านได้ถวายเทียนเข้าพรรษาตลอดมา ถวายพระประทีปโคมไฟวัดไหนมืดชอบถวายตะเกียงบ้างน้ำมันบ้างให้มีแสงสว่างต่อมาในชาติสุดท้าย เมื่อเป็น พระอรหันต์วิชชาสาม ท่านสามารถมี ทิพจักขุญาณสว่างกว่าพระอรหันต์ทั้งหมด แม้แต่ พระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณก็ยังสู้ไม่ได้ นี่ประการหนึ่งถ้าท่านทั้งหลายไปเกิดเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหม ก็จะมีรัศมีกายสว่างมาก เพราะเทวดา นางฟ้า และพรหมเขาถือรัศมีกายเป็นสำคัญเขาไม่ถือเครื่องแต่งกายเป็นสำคัญ องค์ไหนถ้ารัศมีกายสว่างมากองค์นั้นมีบุญมาก เมื่อมีจิตใจเลื่อมใส ได้ทำการบูชาเช่นนี้ พระชินศรีตรัสว่าเป็นมงคลอันสูงสุด ดังพระบาลีว่า ปูชา จ ปูชะนียานัง เอตัมมังคลมุตตมัง การบูชาบุคคลผู้ควรบูชาเป็นมงคลอันสูงสุด อนึ่งชื่อว่าได้ขวนขวายในกิจ อันปราศจากโทษความเดือนร้อนในภายหลังมิได้ ย่อมได้รับผลพิเศษทั้งในโลกนี้และโลกหน้า

ttt.jpg

อานิสงส์ถวายเทียนพรรษา

การ ถวายเทียนพรรษานี้เป็นโบราณประเพณีที่ทำสืบๆ มาเป็นเวลาช้านาน เมื่อถึงฤดูเข้าพรรษา ภิกษุทั้งปวงต้องจำพรรษาในอาวาสของตน 3 เดือน พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย จึงได้จัดทำให้เป็นกุศลพิธีขึ้น เมื่อได้นำเทียนไปถวายพระสงฆ์แล้ว ท่านก็จะได้จุดบูชาต่อหน้าพระประธานในพระอุโบสถ ผู้ถวายย่อมได้รับอานิสงค์ คือ

1. ทำให้เกิดปัญญา ทั้งชาตินี้และชาติหน้า เปรียบเหมือนแสงสว่างแห่งเทียน

2. ทำให้สว่างไสวรุ่งเรือง ผู้ถวายย่อมทำให้มีความรุ่งเรืองด้วย ลาภ ยศ สรรเสริญ

3. ทำให้คลี่คลายเรื่องราวต่างๆ ที่มีปัญหาให้ร้ายกลายเป็นดี

4. เจริญไปด้วยมิตรบริวาร

5. ย่อมเป็นที่รักของมนุษย์ และเทวดาทั้งหลาย

6. เมื่อจากโลกนี้ไปย่อมมีกายทิพย์อันสว่างไสว

7. เมื่อลาลับโลกนี้ไปย่อมไปสู่สุคติสวรรค์

8. หากบารมีมากพอ ย่อมทำให้เกิดดวงตาจักษุ คือปัญญารู้แจ้งเข้าสู่พระนิพพาน

tttttt.jpg

เคล็ดลับทำบุญ

ตั้งแต่ในอดีต จึงมีความเชื่อว่าการถวายเทียน จะช่วยให้ชีวิตโชติช่วง พบเจอแต่เรื่องดีๆ หากมีปัญหา ก็พบแสงสว่างซึ่งหมายถึงทางแก้ไขในไม่ช้า และเมื่อนำมาเชื่อมโยงกับเคล็ดเรื่องของความรัก ก็หมายถึงการส่องสว่างในชีวิตคู่ หรือหากใครยังไม่มีคู่ก็จะช่วยส่องทางให้พบกันในเร็ววัน สำหรับคนไม่มีคู่อยากได้คู่ เวลาถวายเทียนพรรษา ให้ถวายเป็นคู่ (2เล่ม) โดยให้ใช้ดินสอแหลม หรือเหล็กแหลมๆ เขียนชื่อ-นามสกุล และวันเดือนปีเกิดของตัวเองลงไปบนเทียนทั้งสองเล่ม แล้วจึงถวายพระ ซึ่งการถวายเทียนนี้ จะนิยมมากสำหรับคนยังไม่มีคู่ เพราะจะเป็นเคล็ดในเรื่องการให้ความสว่างไสว เป็นแสงสว่างนำทางไปพบคู่เร็วๆ ถ้าให้ดีควรถวายพวงมาลัยด้วย แต่ก็ต้องถวายพวงมาลัย 1 คู่ เหมือนกัน ส่วนในรายที่มีคู่แล้ว แนะให้ทำบุญถวายเทียนร่วมกัน โดยต้องถวายเทียน 1 คู่ และเขียนทั้งชื่อตัวเอง และชื่อคู่รักลงไปบนเทียนทั้งสองเล่ม คู่กันไปเลยนะครับ จะมาเขียนชื่อตัวเองเล่มหนึ่ง อีกเล่มหนึ่งชื่อคู่รักอย่างนั้นไม่ได้ส่วนพวงมาลัยอันนี้ถวายพวงเดียวก็พอ

อย่างไรก็ดีตั้งแต่ในอดีต ผู้คนนิยมถวายเทียนพรรษาเพื่อให้พระภิกษุได้ใช้ส่องสว่างขณะจำพรรษาอยู่ที่วัด เชื่อว่าการถวายเทียน จะช่วยให้ชีวิตโชติช่วง พบเจอแต่เรื่องดีหรือ ถวายหลอดไฟก็ได้ แต่ผมแนะนำให้ถวายเป็นเทียนพรรษาดีกว่า เพราะตามตำราโบราณ มันได้ความรู้สึกบางอย่าง ซึ่งดีกว่าเป็นหลอดไฟ หากเป็นเทียน เวลาพระไปเดินจงกลมตรงไหน ก็จุดได้เลย

Link to comment
Share on other sites

Join the conversation

You can post now and register later. If you have an account, sign in now to post with your account.

Guest
Reply to this topic...

×   Pasted as rich text.   Paste as plain text instead

  Only 75 emoji are allowed.

×   Your link has been automatically embedded.   Display as a link instead

×   Your previous content has been restored.   Clear editor

×   You cannot paste images directly. Upload or insert images from URL.

 Share


×
×
  • Create New...